Category ข่าววันนี้

สถานีกลางบางซื่อ

อ.ธงทองแย้ง สนามบินสุวรรณภูมิไม่เคยเปลี่ยนป้ายชื่อ

ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ โพสต์ใจความทางเฟซบุ๊ก ให้ความเห็น ภายหลัง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม ตอบคำถามสด กรณีเปลี่ยนแปลงป้าย สถานีกลางบางซื่อ เป็น สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ราคากว่า 33 ล้านบาท ที่ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม พูดว่า

“การเปลี่ยนชื่อป้าย เป็นเรื่องประเพณีปฏิบัติ เพื่อความเป็นมหามงคล ไม่ใช่ความต้องการของตน เหมือนการเปลี่ยนชื่อสนามบินหนองงูเห่า เป็นสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ สถานที่ราชการหลายแห่ง ก็ดำเนินการลักษณะนี้เช่นเดียวกัน”

โดย ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง บอกว่า

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานตอนวันที่ 29 ก.ย. พ.ศ. 2543 เพื่อใช้แทนชื่อเดิม คือ “สนามบินหนองงูเห่า” และ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 19 เดือนมกราคม พ.ศ. 2545 ก่อนที่จะมีการเปิดให้บริการ ในฐานะสนามบินแห่งใหม่ของประเทศไทย ตอนวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549

ตามความทรงจำของผม อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไม่เคยมีป้ายชื่อท่าอากาศยานหนองงูเห่าติดตั้งมาก่อนเลย เมื่อสร้างอาคารสำเร็จเรียบร้อย ก็ใช้นามพระราชทาน “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ประดับติดตั้งอาคารมาตั้งแต่ต้น

นามพระราชทานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับพระราชทานมา 6 ปีเต็ม ล่วงหน้าก่อนท่าอากาศยาน ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว เปิดให้บริการ

ผมเป็นคนสนใจประวัติศาสตร์ รวมทั้ง ทันเห็นเรื่องราวทั้งหมดที่ว่านี้ จึงต้องการนำมาเล่าสู่กันฟังนะครับ เผื่อมีคนไหนคิดจะเปรียบเทียบว่ากรณีเหมือนกันหรือไม่ เหมือนกันกับเรื่องราวที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้ จะได้เอาไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการไตร่ตรองได้

สถานี บางซื่อ

“ศักดิ์สยาม” การันตีไม่มีอะไรปกปิด ปมเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ

“ศักดิ์สยาม” ขอรอผลตรวจสอบ หากผลไม่ถูกต้อง ก็แก้ไข เปิดเผย คกก.เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด ลั่นถ้าหากไม่เชื่อชุดนี้ ก็หาไม่ได้แล้ว

5 มกราคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พูดถึง กรณีการตั้งคณะกรรมการพิจารณา ตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างโครงการปรับปรุงแก้ไขป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ เป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และก็ ตราสัญลักษณ์ของรฟท. ว่า พวกเรา ยังไม่ได้กล่าวว่า ใครถูก หรือ ผิด

ซึ่งคณะกรรมการ ประกอบไปด้วย รองปลัดกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และ ตัวแทนผู้ชำนาญด้านสถาปัตยกรรม

ส่วนที่มีข้อคิดเห็นว่า บริษัทที่ได้รับปรับปรุงแก้ไขโครงการป้ายเป็นคู่สัญญากับการรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับเพื่อการสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง จึงทำให้สามารถได้รับเลือกในโครงงานนี้ นายศักดิ์สยาม ระบุว่า ไม่เกี่ยว การรถไฟฯ อธิบายว่า ขณะสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ทำประกันสัญญากับบริษัทที่จัดทำการเปลี่ยนป้าย

และก็ มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกันได้ ไม่อย่างนั้น ใช้เวลาก่อสร้างเสร็จ ไม่รู้ว่าคนไหนต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

อย่างไรก็แล้วแต่ ขอให้รอคณะกรรมการตรวจสอบก่อน พร้อมยืนยันว่า ประเด็นนี้ไม่มีอะไรปกปิด โปร่งใส หากผลการไต่สวนออกมาพูดว่า ถูกก็คือถูก ถ้าเกิดไม่ถูกต้อง ก็จำต้องแก้ไข เนื่องจาก ปัจจุบันนี้ ยังไม่ได้เริ่มปรับปรุง ตัวป้ายที่มองเห็นปัจจุบัน ยังเป็นป้ายเก่า

ทั้งนี้ เมื่อตอนเช้า สภาฯ ได้มีการตั้งกระทู้ถามสด ว่าเพราะอะไรไม่ตั้งชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ตั้งแต่ตอนแรก สิ่งนี้เป็นเรื่องการดำเนินการตามประเพณีปฏิบัติ อาทิเช่นเดียว กับสนามบินสุวรรณภูมิ

เนื่องจากว่า เมื่อก่อนใช้ชื่อว่า สนามบินหนองงูเห่า ซึ่งตัวสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 พึ่งจะเสร็จ ในปี พ.ศ.2564 ใช้ชื่อสถานีกลางบางซื่อ มาวันนี้ได้ขอพระราชทานชื่อ ซึ่งหลายแผนการเป็นอย่างนี้ ไม่ได้มีอะไรที่ปกปิด

เมื่อถามว่า บริษัท ที่ได้รับการดำเนินแผนการปรับปรุงแก้ไขป้าย จะต้องออกมาอธิบายหรือไม่ นายศักดิ์สยาม พูดว่า ไม่จำเป็น เพราะเหตุว่า คณะกรรมการที่ตั้ง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด แล้วก็ เชื่อว่า ในประเทศไทย ถ้าไม่เชื่อถือคณะกรรมการชุดนี้ ก็ไม่มีแล้ว หาไม่ได้

ป้ายสถานีกลางบางซื่อ

ข้อมูลทั่วไป สถานีกลางบางซื่อ

สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ก่อสร้างระหว่างพ.ศ. 2556 ถึง 2564 ใช้งบประมาณในย่านสถานีทั้งสิ้น 34,142 ล้านบาท 2 อาคารสถานี มีความยาว 596.6 เมตร ความกว้าง 244 เมตร ความสูง 43 เมตร พื้นที่ใช้สอยในอาคาร รวม 274,192 ตารางเมตร (ไม่รวมพื้นที่สถานีใต้ดิน) 2 ออกแบบ ภูมิสถาปัตย์โดย บริษัท ดีไซน์ คอนเซปท์ จำกัด

มี 26 ชานชาลา เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย 24 ชานชาลา และ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย 2 ชานชาลา

อาคารสถานีมีทั้งหมด 7 ชั้นรวมชั้นที่อยู่ใต้ดิน ชั้นที่อยู่ใต้ดิน 2 ชั้นฝั่งใต้ เป็นสถานี รถไฟฟ้ามหานคร ชั้นที่อยู่ใต้ดินส่วนที่เหลือ 1 ชั้น เป็นที่จอดรถใต้ดิน ชั้นเหนือพื้นดินทั้งหมด ถูกแบ่งได้สองส่วนเป็นส่วนบริการรถไฟ แล้วก็ ส่วนบริการผู้โดยสาร สำหรับส่วนบริการรถไฟ ชั้นระดับดิน เป็นห้องจำหน่วยตั๋ว และ โถงพักคอยผู้โดยสาร ชั้นที่สอง ให้บริการรถไฟรางหนึ่งเมตร ชั้นที่สาม ให้บริการรถไฟความเร็วสูง และ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์

แล้วก็ ส่วนบริการผู้โดยสาร ประกอบด้วยชั้นระดับดิน เป็นโถงต้อนรับ พื้นที่จำหน่ายบัตรโดยสารสำหรับรถไฟทางไกล และก็ ศูนย์อาหาร ชั้นลอยเป็นร้านค้า แล้วก็ ชั้น 3 เป็นพื้นที่สำนักงาน ประกอบด้วย สำนักงานใหญ่ของ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ศูนย์ควบคุมการ เดินรถไฟฟ้าสายสีแดง รวมทั้ง รถไฟที่ใช้ทางร่วม สำนักงานบริหารโครงการรถไฟความเร็วสูง และก็ พื้นที่รองรับแขกวีไอพี

สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะแตกต่างจากสถานีกรุงเทพเดิม เหตุเพราะ ถูกออกแบบให้เป็นสถานีระบบปิด มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเทียบเท่ากับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารที่ไม่มีตั๋วโดยสารรถไฟ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปบนชั้นชานชาลาของสถานีได้

อาทิเช่น สถานีกรุงเทพเดิม เนื่องมาจาก ชั้นชานชาลา นับว่าเป็นพื้นที่เขตหวงห้ามเด็ดขาด คนไหนฝ่าฝืน จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ที่กำหนดไว้ในพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543

อดีตพระถูกหวย

ส่อวุ่น อดีตพระถูกหวย 6 ล้าน สึกมาแต่งงาน เหลือเงินติดบัญชี 2 บาท เมียยันไม่เกี่ยว

อดีตพระถูกหวย 6 ล้าน สึกออกมาสมรสได้ 3 เดือน บุกด่าแม่แท้ ๆ ไม่พอใจที่ใส่ร้ายเมียว่า ยักยอกเงินในบัญชีจนเหลือ 2 บาท

จากในกรณีที่นางอ่อน อายุ 67 ปี ชาวตำบลหนองตาด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำหลักฐาน ที่ลูกชายไปแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ วันที่ 19 ธันวาคม 65 ก่อนหน้าที่ผ่านมา พร้อมสมุดบัญชีธนาคาร และก็รายการเบิกถอนเงิน จากบัญชีธนาคาร ของนายไมล์ อายุ 48 ปี หรือ อดีตพระไมล์ ซึ่งเป็นลูกชาย ที่เคยถูกหวยรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 เดือนสิงหาคม 65

ได้เงินรางวัล 6 ล้านบาท แล้วได้สึกออกไปแต่งงาน อาจถูกนางกนกวรรณ อายุ 50 ปี ภรรยาที่พึ่งจะแต่งงาน อยู่กินกันได้แค่ 3 เดือน หลอกลวงจนกระทั่งหมดตัว เนื่องจากว่าวันที่ 18 ธันวาคม 65 ลูกสะใภ้ได้ ไปถอนเงินก้อนสุดท้าย ที่เหลือในบัญชี ของลูกชายไปกว่า 480,000 บาท ภายในวันเดียว เหลือเงินติดบัญชีแค่ 2 บาท

ล่าสุดวันที่ (21 ธ.ค. 65) ไปที่บ้านนางอ่อน ผู้เป็นแม่อีกครั้ง พบว่ามีญาติ ๆ

และชาวบ้านมาให้กำลังใจ จำนวนไม่น้อย เนื่องจากว่าภายหลังที่แม่ออกมา ร้องขอความเป็นธรรม กลัวลูกสะใภ้หลอก เอาเงินทรัพย์สิน ลูกจนหมดตัว แต่ว่าตอนเวลาบ่ายวันที่ 21 ธ.ค. นายไมล์ ลูกชายพร้อมญาติเมีย อีก2 คน

ได้บุกมาทวงเอารถ หกล้อเล็กบรรทุก เครื่องเสียง ที่จอดไว้หน้าบ้านของแม่ แต่แม่กล่าวว่าไม่ให้ เนื่องจากกลัวลูกจะเอาไปขาย รวมทั้งที่ไม่ให้เอาไปเนื่องจากว่าอยากจะเก็บไว้ให้ลูก เผื่อวันใดวันหนึ่ง ลูกหมดตัวไม่เหลืออะไร หรือถูกเมียทิ้ง ก็ต้องกลับมาอยู่ กับแม่เหมือนเดิม

อดีตพระถูกหวย 6 ล้าน

ซึ่งขณะที่ลูกชายมาโวยวาย ทวงรถรวมทั้งว่ากล่าวแม่ ก็มีชาวบ้านบันทึกคลิป เหตุการณ์ไว้ด้วย ก็จะเป็นภาพที่นายไมล์ บังคับจะเอากุญแจ รถยนต์จากแม่ แต่พอแม่ไม่ให้ ก็ตะโกนดุด้วย ความโกรธต่อหน้าญาติ และชาวบ้าน

จากการถามผู้เป็นแม่ กล่าวว่า วันนี้ลูกชายได้ บุกมาทวงรถหกล้อ ที่จอดไว้หน้าบ้านแม่ จะเอาไปที่บ้านเมีย แต่พอตัวเองบอกว่า ไม่ให้เพราะอยากเก็บไว้ให้ลูกชาย ถ้าอนาคตลูกไม่เหลืออะไร หรืออาจจะถูกเมียทิ้ง เนื่องจากว่าไม่มีอะไรแน่นอน

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาหลังจากลูกถูกหวย ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากลูก บ้านที่ลูกสร้างให้ ก็ยังสร้างไม่เสร็จ และไม่รู้ว่า ลูกจะสร้างให้ต่อจนเสร็จไหม ตนจึงต้องการดูแลรถหกล้อ และก็ที่ดินที่ลูกซื้อ ไว้ตอนถูกหวยเอาไว้ให้ลูก แต่ลูกกลับมาโวยวายใส่ ทั้งขู่จะทำร้าย แล้วยังประกาศตัดแม่ลูก ถ้าหากแม่ตาย ก็จะไม่ยอมมาเผาศพด้วย ตนก็รู้สึกเศร้ามาก ที่ลูกมาทำแบบนี้

ต่อจากนั้นก็ไปสอบถามนายไมล์ลูกชาย อดีตพระถูกหวย ซึ่งอยู่ที่บ้านภรรยา

ก็สารภาพว่าได้ไปทวง เอารถหกล้อบรรทุกเครื่องเสียง ที่จอดไว้ที่บ้านแม่จริง เพื่อจะเอาไปแห่งานต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่รับเอาไว้ ล่วงหน้าหลายงาน หากไม่มีรถเครื่องเสียง ไปรับงานก็ต้องเสียค่าปรับ ที่รับงานเอาไว้ พอแม่ไม่ยอมเอากุญแจให้ ก็เอารถเครื่องเสียงมามิได้ จึงโมโหเผลอปากว่ากล่าวแม่ ก็ต้องการจะขอโทษแม่พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษแม่ผ่านสื่อด้วย

ส่วนที่แม่กังวลว่า ภรรยาจะหลอกเอาเงิน หรือทรัพย์สินของตนนั้น รับรองว่าในเวลานี้ทรัพย์สิน ที่ตัวเองซื้อก็ยังเป็นชื่อของตนเอง ไม่ได้ยกให้ภรรยา ส่วนเงินที่ภรรยา ถอนออกมาล่าสุด ภรรยาก็เป็นคนเก็บไว้

ด้านนางกนกวรรณ ภรรยา ซึ่งวันนี้ก็ใส่ทั้งสร้อยทอง กำไลทอง และแหวนเพชร ที่สามีให้เป็นสินสอดวันแต่งงาน ก็บอกว่าสินสอดยังอยู่ครบ ส่วนเงิน 480,000 บาท ที่ถอนออกมา ปัจจุบันก็ยังอยู่กับตัวเอง แต่เหลือเพียงหลักหมื่นเท่านั้น เนื่องจากว่าใช้ซื้อของมาตกแต่งรถแห่ไว้รับงาน แต่ว่ารับรองว่า มิได้หลอกจะเอาเงินสามี

อดีตพระถูกหวย 6 ล้าน สึกมาแต่งงาน

ดังที่แม่หรือญาติฝ่ายชายกล่าวหา รับรองว่าที่แต่งงานและก็ใช้ชีวิต อยู่ด้วยกันด้วยเหตุว่าความรัก ซึ่งถ้าเกิดจะเลิก หรือแยกทางกัน ก็ขึ้นกับเราสองคน ไม่ได้เกี่ยวกับเงิน หรือคนอื่น ๆ ส่วนปัญหาระหว่างแม่กับสามี ที่ไม่เข้าใจกัน ตนไม่ได้อยากยุ่ง

จากนั้นตอนเวลาค่ำ แม่ไปหาลูกชาย ที่บ้านภรรยา เพื่อจะได้พูดคุยทำความเข้าใจกัน แต่ลูกชายกลับเมาหลับ อยู่ในบ้าน พอลุกขึ้นมา ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ส่วนภรรยาไม่ขอยุ่ง ได้ปล่อยให้แม่ลูกเขาคุยกันเอง แต่ว่าในที่สุดก็ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะว่าลูกชาย อยู่ในอาการเมาค้าง

จบด้วยดี อดีตพระถูกหวย 6 ล้าน เมียถอนเงินในบัญชี เหลือแค่ 2 บาท

ก่อนหน้าที่ผ่านมา วันแต่งงาน เมื่อวันที่ 21 เดือนตุลาคม ลูกชายได้นำสินสอด เป็นเงินสด 100,999 บาท พร้อมทองหนัก 5 บาท แหวนเพชร 1 วง รวมทั้งสมุดบัญชีธนาคาร ของลูกชาย ที่มียอดเงินในบัญชี 1.2 ล้านบาท ที่ได้มาจาก การถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ไปวางใส่ในพานสินสอด เพื่อมอบให้ภรรยา เป็นคนดูแลด้วย

แต่ต่อมาวันที่ 16 ธ.ค. นางกนกวรรณ ลูกสะใภ้ ได้ไล่ลูกชายตนออกจากบ้าน โดยกล่าวหาลูกชาย ดื่มแต่เหล้า แล้วหลังจากนั้นลูกชายจึงได้กลับไปเอา ทรัพย์สิน ที่ลูกชายเป็นคนซื้อ

เช่น รถหกล้อเล็กติดเครื่องเสียง ไว้สำหรับรับงานแห่คืน และก็พยายาม จะเอารถกระบะป้ายแดงคืนด้วย แต่ว่าลูกสะใภ้ไม่ให้แถมยังเรียกตำรวจมา กล่าวหาลูกชายตัวเองบุกรุกบ้าน

หลังจากนั้นลูกชาย ก็ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะเรียกร้องสิทธิ์ตามกฎหมาย แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านกับแม่ แต่พอ เช้าวันนี้ 20 ธันวาคม หลังจากลูกสะใภ้รู้ว่าลูกชายแจ้งความ ก็กลับมาตามเอาลูกชายตนเอง กลับไปอยู่ที่บ้านคืน

เรือหลวงสุโขทัย

เรือหลวงสุโขทัย ล่ม อัปเดตยอดสูญหาย 30 นาย จากเดิม 31 พบลากิจ 1 ไม่ได้ขึ้นเรือ

ผบ.ทัพเรือภาคที่ 1 เผยปูพรมค้นหาลูกเรือ เรือหลวงสุโขทัย อีก 30 นาย ที่ยังคงสูญหายอย่างเต็มกำลังความสามารถ ยืนยันว่าบนเรือมีชูชีพกับพวงชูชีพสำหรับลูกเรือทุกคน

พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการกองทัพเรือภาค 1 ยืนยันว่า

ลูกเรือของเรือหลวงสุโขทัยที่ประสบเหตุจมทะเลสามารถค้นและช่วยเหลือได้แล้ว 75 ราย โดยรายล่าสุดที่เรือหลวงกระบุรีได้นำมาขึ้นที่ท่าบางสะพาน คือ พันจ่าเอกนที ทิมดี หลังทีมค้นหาพบว่านอนหมดสติลอยคอกลางทะเล

โดยหลังจากเรือจอดเทียบท่าสนิท ก็ได้นำส่ง พ.จ.อ.นที ที่สามารถเดินขึ้นเรือมาที่เปลผู้ป่วยได้เอง ก่อนที่กู้ภัยนำส่งยังโรงพยาบาลบางสะพาน พบว่า มีบาดแผลบริเวณศีรษะ และข้อเท้าและมีอาการตาแดง
แต่ว่าอาการโดยรวมปลอดภัย มีสติพูดคุยได้ แต่ก็มีสภาพอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเจน เนื่องจากลอยคออยู่ในน้ำทะเลนานกว่า 10 ชั่วโมง

ผู้บัญชาการกองทัพเรือ

ด้าน นาวาโทไกรพิชญ์ กรวีร์ปภาวิทย์ ผู้บัญชาการเรือหลวงกระบุรี เป็นทีมค้นหา ยืนยันว่ากำลังพลคนล่าสุด ที่ได้รับความช่วยเหลือ ก็คือ พันจ่าเอกนที ทิมดี เป็นกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย สภาพปลอดภัย แต่ก็มีอาการอ่อนแรง

พร้อมทั้งเล่าวินาทีที่เข้าไปช่วยเหลือกำลังพลนายนี้ว่า ทีมค้นหาได้รับแจ้งจากเฮลิคอปเตอร์ที่บินค้นหา ว่าพบพวงชูชีพประมาณ 4 พวง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 ไมล์ หรือประมาณ 8 กม. แต่มองไม่เห็นว่ามีคนอยู่หรือไม่ จึงได้นำเรือหลวงกระบุรีเข้าไปดู

ปรากฎว่าเจอแค่คนเดียวลอยกอดชูชีพอยู่ นอกนั้นเป็นพวงชูชีพเปล่า จึงนำเรือเข้าไปรับ ทราบว่าลอยอยู่ในน้ำประมาณ 10 ชั่วโมง แต่ยังพอมีสติและมีแรงดึงขึ้นเรือได้ปลอดภัย แต่ก็มีแผลถลอกเพียงแค่เล็กน้อย บริเวณศีรษะและตาที่เจ็บเพราะโดนน้ำทะเลมาก

สำหรับในการปฎิบัติการค้นหาลูกเรืออีก 30 นาย ที่เหลือ จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยจะใช้เรือทั้งหมด 4 ลำใหญ่ ก็คือ เรือหลวงอ่างทองเป็นเรือควบคุมสั่งการ ส่วนที่เหลือคือเรือหลวงกระบุรี เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช และเรือหลวงนเรศวร เป็นเรือที่มีศักยภาพสูงที่สุดของกองทัพเรือที่จะเข้ามาช่วย โดยจะวางกระจายจุดในพื้นที่ 30 ตารางไมล์ทะเล

กองทัพอากาศ

กองทัพอากาศ ส่ง อากาศยานมาร่วมค้นหา

ขณะกองทัพอากาศจะส่งอากาศยานมาร่วมการค้นหาในการบินตรวจหาเรดาร์ ร่วมกันกับเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งถ้าพบจะมีชุดปฎิบัติการพิเศษทั้งมนุษย์กบ กรมสรรพพาวุธและกองทัพอากาศ โดยจะส่ง นักประดาน้ำลงไป เพื่อไปพยุงและนำขึ้นเรือให้เร็วขึ้น

พร้อมยืนยันว่า จะค้นหากำลังพลที่เหลือ และได้ช่วยทุกคนให้ได้ด้วยทรัพยากรที่มีอย่างเต็มที่ ส่วนขวัญกำลังใจของทีมค้นหาพร้อมตลอดเพื่อที่จะช่วยเหลือให้ได้ เบื้องต้น เชื่อว่าถ้าลูกเรือที่ใส่ชูชีพหรือมีพวงชูชีพจะสามารถลอยอยู่ได้นาน 48 ชั่วโมง ดังนั้นในวันนี้ (20 ธ.ค.) พยายามค้นหาให้หมด

ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 1 ออกมายอมรับว่า ชูชีพบนเรือไม่ได้มีครบตามจำนวนกำลังพล 106 คน แต่ยืนยันว่า ยังมีอุปกรณ์ช่วยพยุงสำหรับกำลังพลที่เหลือ และช่วงเกิดเหตุกำลังพลทุกคน ขึ้นไปเกาะอยู่บริเวณกาบเรือ เพื่อเตรียมสละเรือ เพราะฉะนั้นมั่นใจว่าจะไม่มีกำลังพลติดอยู่ในเรือ

พร้อมยืนยันว่าการตัดสินใจสละเรือไม่ได้ล่าช้า แต่เป็นไปตามขั้นตอน และระเบียบการปฎิบัติทุกขั้นทุกตอน ส่วนสาเหตุที่น้ำเข้าห้องเครื่องจำนวนมาก ยอมรับเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะเหตุเช่นนี้ยากที่จะเกิดขึ้นกับเรือรบ
ซึ่งจากนี้จะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ล่าสุด แต่ก็ภาคที่ 1 ระบุว่า ผู้สูญหาย ตอนนี้ ก็คือ 30 นาย แต่ก็ไม่ได้เป็นการพบเพิ่มเติม แต่จากเดิมที่ระบุตัวเลขสูญหาย 31 นาย แต่เป็นการไปตรวจสอบข้อมูลพบรายชื่อที่ต้องขึ้นเรือ 106 นาย แต่ว่าลากิจ 1 นาย ไม่ได้ขึ้นไปกับเรือ เท่ากับเหลือขึ้นเรือจริงๆ 105 นาย ขณะนี้ต้องเร่งค้นหาอีก 30 นาย

ส่วนกระแสข่าวที่ว่า พบเพิ่มอีก 3 นาย แล้วนั้น ไม่เป็นความจริง และน่าจะเข้าใจคาดเคลื่อน ในขณะที่ในช่วงเช้าวันนี้ จะมีการประชุมวางแผนเพื่อค้นหาและช่วยเหลืออีกครั้ง

กองทัพอากาศร่วมค้นหา

“เรือหลวงสุโขทัย” ใช้งานนาน 35 ปี ก่อนอับปางกลางทะเลอ่าวไทย

จากข้อมูลของกองทัพเรือ ได้ให้ข้อมูลเป็นเรือคอร์เวตชุดเรือหลวงรัตนโกสินทร์ (2 ลำ) สังกัดกองเรือฟรีเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ สร้างโดย TACOMA BOATBUILDING COMPANY ที่เมือง TACOMA ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเรือหลวงสุโขทัย มีชื่อเดิมว่า RTN 252 FT PSMM MK-16 #446 ที่ได้รับการติดตั้งระบบอาวุธยุทโธปกรณ์และระบบอำนวยการรบที่ทันสมัย มีขีดความสามารถและประสิทธิภาพสูงพร้อมปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติในเวลาเดียวกัน
ก็คือ การป้องกันภัยทางอากาศ ผิวน้ำ และสงครามปราบเรือดำน้ำ

ภารกิจหลักของเรือหลวงสุโขทัยคือการปราบเรือดำน้ำ ลาดตระเวนตรวจการณ์ คุ้มกันกระบวนเรือ สนับสนุนการยิงฝั่ง ส่วนภารกิจรองคือสนับสนุนภารกิจกองทัพเรือ

เรือหลวงสุโขทัยลำปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรือลำที่ 2 หลังจากที่เรือลำแรกได้ปลดระวางไปแล้ว เนื่องจากมีการใช้งานมาเป็นระยะเวลายาวนาน โดยเรือหลวงลำนี้ เป็นเรือหมายเลข 442 วางกระดูกงู เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2527 ขึ้นระวางประจำการ 19 ก.พ. 2530 สร้างโดย Tacoma Boat Building Co, ประเทศสหรัฐอเมริกา มีความยาวตลอดลำ 76.8 เมตร ความกว้าง 9.6 เมตร กินน้ำลึก 4.5 เมตร ความเร็วมัธยัสถ์ 18 นอต ความเร็วสูงสุด 24 นอต ระวางขับน้ำปกติ 840 ตัน ระวางขับน้ำสูงสุด 960 ตัน ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,568 ไมล์ กำลังพลประจำเรือ 87 นาย

ระบบตรวจการณ์

  • เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ Decca 1226
  • เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ/อากาศ ZW-06
  • เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ/อากาศ DA-05
  • โซนาร์ติดใต้ตัวเรือ STN Atlas DSQS-21C
  • เรดาร์ควบคุมการยิง WM-25
  • LIROD-8 optical

อากาศยานร่วมค้นหา เรือหลวงสุโขทัย

ระบบอาวุธ

  • ปืน 76/62 มม. จำนวน 1 กระบอก
  • ปืน 40L70 มม. แท่นคู่ 1 กระบอก
  • ปืน 20 มม. 2 กระบอก
  • ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-พื้น แบบ ฮาร์พูน 2 แท่น (8 ท่อยิง)
  • ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-อากาศ แบบ อัลบราทรอส 1 แท่น (8 ท่อยิง)
  • ท่อตอร์ปิโด 2 แท่น (6 ท่อยิง)

ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย

  • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล MTU 20V1163 TB83 2 เครื่อง
  • เพลาใบจักร 2 เพลา

ทั้งนี้ทั้งนั้น เรือในชุดเดียวกัน เรือหลวงรัตนโกสินทร์ (ลำที่ 2) เรือหลวงสุโขทัย (ลำที่ 2)

เปิดใจเด็กนักเรียน

เปิดใจเด็กนักเรียน ร้องไห้ไหว้นายทุน ปิดทางเข้าออกโรงเรียนบนเกาะหลีเป๊ะ

รายการโหนกระแส วันนี้ เปิดใจเด็กนักเรียน ร้องไห้ไหว้ นายทุน ปิดทางเข้าออกโรงเรียน บนเกาะหลีเป๊ะ ตัวแทนชาวบ้านจี้สอบ ได้เอกสารสิทธิ์โดยชอบหรือไม่ เปิดเผย ซ้ำรุกที่อุทยาน

รายการโหนกระแสวันที่ 15 ธันวาคม 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้สัมภาษณ์ ป้าดุก พิชญา แก้วขาว ตัวแทนมูลนิธิชุมชนไท ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้าน , เรณู – ละออง ชาวบ้านที่ถูกนายทุนแจ้งเหตุบุกรุก ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือ ทนายแก้ว รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่กฎหมาย สภาทนายความ แล้วก็ พันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ แล้วก็ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ประเด็นมันอย่างไรกันแน่ เห็นเด็กนักเรียนมาร้องห่มร้องไห้?

ป้าดุก : แท้จริงรากของปัญหา เรา คิดว่า ออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ครอบเส้นทางสาธารณะ ที่ชาวบ้านเดินกันมา 4 รุ่นคน ไม่น่าต่ำกว่า 100 ปี อยู่กัน 1,500 คนที่อยู่ที่นั่น คนกลุ่มนี้ เขาประกาศว่า จะอยู่กับสยาม ทำให้เกาะหลีเป๊ะ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากฝั่งไป 60 กว่ากิโล ตกเป็นของไทย ทำให้พวกเรา ได้ทะเลบริเวณนั้นมาทั้งหมด นี่คือที่มาที่ไป

ร้องไห้ไหว้นายทุน

แล้วไปเกี่ยวอะไรกับที่ดินแปลงนี้ ทำไม นายทุน ไปจองซื้อตรงนี้ แล้วมากั้นรั้ว เกิดอะไรขึ้น?

ป้าดุก : คือ ชาวเลเขาอยู่กันแบบพออยู่พอกิน ไม่ได้ถือเอกสารสิทธิ์ ไม่ได้แบ่งเขตอะไรกัน บ้านส่วนมาก ก็อยู่ติดทะเล เขาจะต้องออกทะเล มีเรือ พอมารุ่นที่มีเรื่องเอกสารสิทธิ์ การท่องเที่ยวเข้ามาด้วย ทำให้เขาถูกกดดัน ไม่เรียกว่า ข่มขู่ แต่ว่าถูกกดดัน พูดว่า ที่ดินตรงนี้ เป็นของฉัน โดยที่ชาวบ้านไม่รู้เรื่อง

ที่ตรงจุดนี้ มันคืออะไร ที่เกิดข้อพิพาท มันคืออะไร?

ป้าดุก : ตรงจุดนี้ เป็นจุดที่มีโรงเรียนอยู่ มีทางเข้าออกทะเล

แสดงว่า คนมาซื้อที่ และ ไล่ที่ชาวบ้าน มาซื้อ น.ส.3 คือหนึ่งในคนที่รุกที่อุทยานด้วย?

ป้าดุก : ใช่ค่ะ

เขาฟ้องเราว่าอะไร?

เรณู : บุกรุกค่ะ ให้รื้อถอน กลายเป็นจำเลยแล้ว

เขาให้ออก เพราะเหตุว่า เขาซื้อมา แล้วแท้จริงๆ เป็นของใครกันแน่?

เรณู : ตาของพวกเรา กล่าวว่า เป็นของตา คุณตาไม่รู้หนังสือ ตา ก็ไม่เคยรู้ว่า จะไปออกเอกสารสิทธิ์ตรงไหน คุณตาไม่เคยบอก คือชาวบ้านคนไหนมาอาศัย ก็ขอตา คุณตาก็ให้อยู่เป็นกลุ่มที่นั่นหมด

ฝั่งเจ้าของที่ปัจจุบัน ที่กล่าวว่า ไปซื้อที่ดินแปลงนี้มา เขาซื้อจากใคร?

ป้าดุก : ซื้อจากนางดารา ลูกสาวโต๊ะคีรี หนึ่งของชาวเลรุ่นแรกที่เข้ามาอยู่ ออกเอกสารสิทธิ์ไปครั้งแรก 51 ไร่ สค. 1 พอมารังวัดครั้งที่สอง เป็น 81 ไร่ พอมาเป็น น.ส.3 ในตอนนี้ 140 ไร่

คนมาซื้อแปลงนี้เป็นนักธุรกิจ ที่รุกอุทยานด้วย?

ป้าดุก : คนนี้แหละค่ะ เขาไปสร้างรีสอร์ตรุกอุทยานค่ะ

พี่ต้องการที่จะให้เอาที่แปลงนี้คืนมาเป็นสาธารณะประโยชน์ หรือยังไง?

ป้าดุก : ให้เปิดทางก่อน

มุม นายทุน จะยังไง

มุมนายทุน จะยังไง?

พ.ต.ต.วรณัน : หนึ่ง เรา ดูก่อนว่า วิธีการได้มา ซึ่งเอกสารสิทธิ์ชอบมั้ย ถ้าไม่ชอบ ขั้นตอนจากนั้น ก็ไม่ชอบ สิทธิ์ก็ไม่ได้ ประเด็น คือ จะเป็นความผิด ฐานบุกรุกหรือไม่ เดี๋ยวไปดูข้อสรุปตามทีหลัง แต่ประเด็นเรื่องการเปิดทาง ที่ทนายความชี้แนะ ก็ถูกทางแล้ว ไปใช้สิทธิ์ทางศาล

ทนายความแก้ว : หากเรา จะไปรื้อยกแผงเหล็กออก ตรงนี้ เรา ทำไม่ได้ การที่จะเอาออกได้ พวกเรา ก็ต้องใช้สิทธิ์ทางศาล ร้องเข้าไป ให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองระหว่างพิจารณาคดีก่อน ด้วยเหตุผลดังกล่าว พี่จำเป็นต้องรีบดำเนินการร้องต่อศาล จะเอาไปรื้อเองจะกลายเป็นข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ ตรงนี้ พี่ต้องระวังครับผม

ฝั่งพี่ได้รับความเดือดร้อนอย่างไร?

เรณู : ในเวลานี้ คือ มีคดีฟ้องร้องอยู่ ช่วงนี้ ยังเข้าออกบ้านได้ แต่ก็กลัว

ป้าดุก : เขาก็ติดป้ายว่า ห้ามใครเดินเข้ามาในที่ดินของเขา พี่น้องเขาก็เลยกลัว

นักเรียนอยู่ในสาย เดือดร้อนยังไง?

เด็กนักเรียน : เข้าออกโรงเรียนยาก ด้วยเหตุว่า มีรั้วกั้นครับผม

ขึ้นเรืออ้อมหน้าชายหาดได้ จริงมั้ย?

เด็กนักเรียน : จริงนะครับ แต่ว่าใช้เวลานาน มันไกลด้วยครับ ไม่โอเค ถ้านั่งเรือไป

สิ่งที่เด็กๆทำกัน ทำกันอย่างไร?

นักเรียน : ปีนรั้วครับ เขาก็ยังกั้นอยู่ นักเรียน ก็ต้องใช้วิธีนั้น ซึ่งมันเสี่ยงกับการที่จะเกิดอันตรายมากกับชีวิตมากเลยครับผม

ถ้าเกิดปีนรั้วอย่างนี้ ทางเขาก็สามารถแจ้งบุกรุกได้เหมือนกัน?

ทนายแก้ว : ถูกนะครับ กรณีนี้ ความผิดฐานบุกรุกชัดเจน เพราะว่า เขาก็มีสิทธิ์คุ้มกันที่เขาอยู่แล้ว แต่การที่น้องๆปีน ถึงแม้ว่าจะอ้างเหตุว่า พวกเรา จะเข้าไปเรียนหนังสือ แต่พวกเราจำเป็นต้องไปว่ากัน ว่าตัว นายทุน มีสิทธิ์ปิดมั้ย จำเป็นต้องคอยให้ทนายความไปดำเนินการฟ้อง เพื่อเพิกถอนก่อน

โรงเรียนบนเกาะหลีเป๊ะ

ประเด็นการฟ้องร้องเข้าใจ แต่ว่าปัญหาเร่งด่วน ที่จะต้องแก้ คือ

จุดที่เด็กนักเรียน ต้องไปเรียน จะแก้ปัญหานี้ ได้ยังไง สมมุตินายทุนเขาซื้อที่ดินแปลงนี้ถูกต้องหมดเลย เขาอ้างเป็นที่ดินของเขา จะแก้ไขยังไง?

ทนายแก้ว : ก็จำเป็นต้อง ดูว่า ไอ้ที่ตรงนี้ เป็นทางสาธารณะที่คุณมีสิทธิ์ซื้อหรือเปล่าก่อน หากมีทางสาธารณะเป็นส่วนหนึ่งในโฉนด ที่คุณจะซื้อเอกสารสิทธิ์ คุณก็ซื้อไม่ได้ เนื่องจากว่า กฎหมายระบุชัดเจนว่า ทางสาธารณะประโยชน์ของแผ่นดิน มันจะทำการซื้อขายจับจองกันไม่ได้ จะต้องพิสูจน์กันว่า พื้นที่ตรงนี้ เป็นทางสาธารณะอยู่

วันนี้ไปเรียนกันอย่างไร?

เด็กนักเรียน : ปีนรั้วข้ามมาครับผม ทั้ง 300 คนครับผม

ไปขอนายทุนหรือยัง?

นักเรียน : เคยขอร้อง แต่ว่าเขาไม่สนใจพวกหนูเลย

ทางโรงเรียนว่าไง?

นักเรียน : ทางโรงเรียนไม่ได้ว่าอะไร แต่พวกผมเป็นคนจำเป็นต้องเข้าโรงเรียน มันก็ยาก

จากที่เห็นกับตา ประเมินยังไง?

อนุชา : พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้ง นักเรียน บิดามารดา ผู้ปกครอง วิถีชีวิตเขา เขาอยู่กันมาเป็น 100 ปี ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เขาก็ใช้เส้นทางนี้ เป็นเส้นทางหลัก แล้วย้ายถิ่นฐานกันโดยตลอด ด้วยเหตุว่า ถูกความเจริญก้าวหน้า เข้ามาครอบงำ ในวิถีชีวิต เป็นอะไรที่น่าเห็นใจมาก

ประเด็นที่จะคุยกับ นายทุน มีอะไรบ้าง?

อนุชา : จากการสอบถาม ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ทางเส้นนี้ เขาใช้เป็นทางหลักในชีวิตประจำวันมานานแล้ว โรงเรียน ก็ใช้เส้นทางนี้ ไม่ใช่เด็กนักเรียน เรียนอย่างเดียว แม้กระทั้งเขาเป็นชาวเล เขาก็ใช้วิถีชีวิต สำหรับเพื่อการทำมาหากินกับทางนี้ด้วย

ไม่ใช่เฉพาะนักเรียนอย่างเดียว ก็ไม่มีทางเส้นอื่นให้เขาได้ออกมาดำรงชีวิตตามปกติ ผมมีความคิดว่า มันเป็นเรื่องจำเป็นเป็นอย่างมาก ที่ประเด็นนี้จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างเต็มรูปแบบ

อีกกรณี ชาวบ้านก็กลุ้มอกกลุ้มใจเช่นเดียวกัน มองอีกมุมนึง คือ มีเด็กๆเด็กนักเรียน 300 คน รวมทั้ง ชาวบ้านละแวกนั้น เคยไปขอนายทุนท่านนั้น บอกว่า ขอเถอะอย่าปิดเลย แต่เขาก็ไม่คุยด้วย เขาติดเลยว่า บุกรุกมีโทษตามกฎหมายต่างๆนานา ประเด็นแบบนี้เหมือนเขาไม่ได้กลัวอะไรหรือเปล่า?

อนุชา : ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเต็มที่ เมื่อกี้ได้ยินชื่อท่านเลขาฯ ธนกฤต เรื่องนี้ต้องให้กระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพ สำหรับการบริหารจัดการ ในส่วนกระบวนการยุติธรรม รวมทั้ง เรียกร้องสิทธิ์แทนพี่น้อง ที่เขาขาดที่พึ่งพิง
ผมคิดว่า เรื่องนี้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงกระทรวงยุติธรรม ที่จะมาดำเนินการ หากเจ้าของ หรือ คนได้รับสิทธิ์ หากเขาคิดว่า เขาดำเนินการถูกต้องหรือไม่อย่างไร เดี๋ยวค่อยมาว่ากัน

ต้องการบอกอะไรกับท่าน?

ป้าดุก : เรื่องเร่งด่วนค่ะ เนื่องจากว่า ตอนนี้ เด็กก็ไม่ได้ตั้งใจเรียน พอเด็กไปนั่งเรียน เขาก็มาเชื่อมเหล็กที่จะปิด พี่น้องก็เก็บเต็นท์มา 4 รอบแล้วค่ะ พอพี่น้องไม่มาเฝ้า เขาก็เอาคนงานมาก่อสร้าง เป็นอย่างนี้เมื่อวันที่ 26 จนกระทั่งวันนี้ พี่น้องคุยกับปลัดเรา คุยกันเข้าใจว่า ถอยนะ วิ่งกันออกมา จะต้องมาเฝ้าไม่ให้เขาเชื่อมเหล็กสำเร็จ ศาลจะนัดไต่สวนอาทิตย์หน้า

อนุชา : ผมลงมาคุยกับพี่น้อง ทั้งยังผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ ภาค รวมถึง บิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทางดีเอสไอก็จะได้เฝ้าระวัง เพื่อมีการพูดคุยหลายมิติ ให้เกิดความชอบธรรม ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมได้คุยกับพี่น้อง ในส่วนแกนนำ พี่น้องต่างๆ ค่อนข้างจะชัดเจน

สำหรับการเดินทางระยะยาว เพื่อลูกหลาน เพื่อให้เขามีชีวิต แล้วก็ การดำรงชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่ ณ เวลานี้เพียงแค่นั้น คุยกันในส่วนระยะยาวที่พวกเราจะดูแล

กลัฟ

“กลัฟ คณาวุฒิ” เข้าวงการ 4 ปี ยังต้องพัฒนาฝีมือ ขอเป็นตัวเองเพื่อรักษาความนิยม

ขึ้นแท่นเป็นหนุ่มฮอตแล้วก็ว่าได้ สำหรับพระเอกหนุ่ม กลัฟ คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ ที่ในเวลานี้ มีผลงานทั้งภาพยนตร์ บัวผันฟันยับ ประกบนางเอกเบอร์หนึ่ง แอน ทองประสม แล้วก็ ยังมีผลงานละคร มัดหัวใจยัยซุปตาร์ ประกบนางเอกมากความสามารถ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ กำลังถ่ายทอดทางช่อง 3HD ซึ่งเรื่องราวกำลังสนุกเข้มข้นเลยทีเดียว

มีโอกาสได้พูดคุยกับพระเอกหนุ่ม จึงถามความรู้สึก ภายหลังได้ร่วมงานกับ 2 นางเอกระดับท็อปของวงการ และ มุมมองสำหรับในการกว่า 4 ปี คิดว่า ตัวเองประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง

ภาพยนตร์เข้าโรงแล้ว ละครก็จะออนแอร์แล้ว รู้สึกกดดันมั้ย ?

“ก็รู้สึกกดดันนะครับ ด้วยเหตุว่า หลังจากออนไปแล้ว เราก็ต้องดูฟีดแบ็กด้วยว่า คนที่ตัดสินการแสดงของเรา ก็คือ ผู้ชม ถ้าผู้ชมฟีดแบ็กโอเค ทุกๆอย่างโอเค ก็รู้สึกโล่งไปเปลาะหนึ่ง แต่ว่าเราก็ต้องไปนั่งศึกษาอีกว่า ที่เราทำไปทั้งหมดเนี่ย มันยังมีผิดพลาดตรงจุดไหนอยู่บ้าง เราก็ต้องมานั่งปรับปรุงแก้ไข”

ลองนั่งมองผลงานตัวเองที่ไม่ใช่ซีรีส์วาย ให้คะแนนผลงานตัวเองเท่าไหร่ ?

“เอาภาพยนตร์ บัวผันฟันยับ ก่อนนะครับ ในด้านคอมเมดี้ อาจจะสัก 7 คะแนนแล้วกัน ยังต้องปรับปรุงอีกค่อนข้างจะเยอะ ด้วยเหตุว่า ในนั้นก็จะอุดมไปด้วยคนที่มีเซ้นส์ตลกขบขันค่อนข้างจะเยอะ เราต้องไปปรับปรุงตัวเอง จะได้ทันพวกพี่เขาครับ”

กลัฟ คณาวุฒิ

คอมเมนต์ด้านบวกก็โอเค แล้วคอมเมน์ต์ด้านลบล่ะ ?

“ด้านลบก็มีครับ ผมก็เห็น มันก็เข้าใจนะ เหตุเพราะว่า หลายคนที่เขามีความคิดหรือว่าอะไรแนวๆนี้ มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เขาก็อาจจะไม่ได้ชอบแนวนี้ หรือ อาจจะรู้สึกว่า มุกมันฝืด บางทีมุกฝืดสำหรับเขา อาจจะฮามากสำหรับคนอื่นๆก็ได้”

คอมเมนต์ด้านลบที่เราเอามาคิดต่อยอดได้ ?

“มีเรื่องของคอมเมดี้นี่แหละครับ ที่เราเห็นฟีดแบ็กมานะ ที่เกี่ยวกับตัวเราก็จะเป็นเรื่องคอมเมดี้ ที่อาจจะยังไม่ได้กลมกลืนกับพวกพี่มากสักเท่าไหร่ ส่วนนี้เราก็ต้องไปแก้ไข”

หมายความว่าเราเครียดมากกับการเล่นคอมเมดี้ ?

“แรกๆก็เครียดครับ ด้วยเหตุว่า ผมกลัวเล่นแล้วมันจะไม่ฮา ด้วยเหตุว่า ถ้าหากคอมเมดี้เล่นไม่ฮา ก็ไม่ใช่คอมเมดี้ครับ เราก็พยายามอยากให้ทุกคนดูแล้วได้รับความสนุกสนานครับ”

เราเล่นเองไม่ฮา ก็ยิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก ?

“เล่นเองมันก็ฮาแหละ แต่ว่าไม่ทราบว่า คนที่เราเล่น เขาจะฮากับมุกเราหรือไม่ อีกอย่างหนึ่ง คือ เรื่องจังหวะ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับในการเล่นคอมเมดี้ ผมมีความรู้สึกว่า ถ้าหากจังหวะไม่ดี ต่อให้มุกมันฮามากแค่ไหน ยังไงก็ไม่ฮา”

เรามองว่าตัวเองเป็นคนตลกขบขันไหม ?

“ก็เป็นคนกวนตีนแล้วกันครับ(หัวเราะ) ผมก็มีเล่นมุกบ้าง แต่ว่าจะเป็นเล่นกับเพื่อนซะส่วนมาก”

จริงๆกลัฟถนัดแนวไหน ?

“ถนัดแนวแซวเล่นขำๆ แต่ว่าให้เล่นมุกเป็นตับๆเลยไม่ได้ครับ เราทำจังหวะให้เหมือนพี่ๆเขาที่เล่นตลกไม่ได้ ถามว่ามีหลุดบ้างมั้ย ตอนเล่นก็มีหลุดบ้าง ด้วยเหตุว่า อย่าง พี่ฮาย อาภาพร ซึ่งพี่ฮายแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เขาแค่นั่งอยู่เฉยๆ แล้วพูดอะไรของแกไปเรื่อยเปื่อย เท่านั้น ก็ฮาแล้วครับ แทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย”

ถือเป็นภาพยนตร์ปราบเซียน ด้วยเหตุว่า รุ่นพี่แต่ละคอมเมดี้จ๋ามาก ?

“ใช่ครับ แล้วผมต้องเจอพี่ฮายบ่อยมาก เจอทุกซีนเลย ด้วยเหตุว่า ในเรื่องเขาเล่นเป็นแม่ เรา ก็ต้องเจอเขาหลายครั้ง จะพูดอะไรก็ฮา แม้กระทั่งพูดจริงจัง ก็ฮา เขาพร้อมนอกบทกันตลอดเวลา อีกทั้งพี่ก๊อตจิ แล้วก็ พี่จ๊ะด้วย คือ 3 คนนี้ พร้อมจะไหลไปเรื่อยๆ มีแต่ผมกับพี่แอน ทองประสม นั่งมองดูกันอยู่สองคนภายในซีน ด้วยเหตุว่า เราเบบี๋กันมากเลย ในเรื่องคอมเมดี้”

อีกทั้งภาพยนตร์ แล้วก็ ละคร สองเรื่องนี้ เราได้เก็บเกี่ยวการแสดงยังไงมาบ้าง ?

“มากเลยครับ สำหรับเรื่องภาพยนตร์ ถ้าหากพูดตรงๆ อาจจะไม่ได้มากเท่าละคร ด้วยเหตุว่า ด้วยความมันเป็นคอมเมดี้เนอะ อาจจะยังไม่ได้ต้องเอาจริงเอาจังมาก หรือว่าลงดีเทลเยอะมากขนาดนั้น
แต่ว่าพอในส่วนของละคร เราศึกษาค่อนข้างจะเยอะ หลายเรื่องเลยครับ ทั้งพวกดราม่า ซึ่งเรา ก็ไม่ได้ถนัด ไม่ได้เก่งพวกนี้ มาตั้งแต่ทีแรก เราก็ได้พี่เจนี่ คอยช่วย คอยบิ้ว คอยดึง ให้เราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นให้ได้”

ผลงานทั้งสองเรื่องนี้ ได้ร่วมงานกับดาราตัวแม่ทั้งหมดเลย ?

“ใช่ครับผม ของพี่แอนก็จะได้เห็นเกี่ยวกับเรื่องของวินัย เกี่ยวกับวิธีทำงาน หรือว่า วิธีทำการบ้าน อะไรแนวๆนี้ เราก็นั่งเก็บรายละเอียดมา ถามว่า เขาชวนไปวิ่งออกกำลังกายด้วยมั้ย ก็ชวนอยู่ครับ แต่ว่าเราก็บอกพี่เขาว่า ขอนอนก่อนนะครับ พี่เขาไม่ว่าๆ พี่แอนน่ารักครับ พี่แอนไม่เคยดุเลย พี่เจนก็ไม่ดุนะ พี่เจนก็น่ารัก(หัวเราะ) เป็นคนตั้งใจทั้งคู่ อีกทั้งพี่แอน แล้วก็ พี่เจนี่เลย”

ในเวลานี้ กลัฟ งานแน่นตลอดเหมือนเดิมใช่มั้ย ?

“ก็แน่นนะครับ มาเรื่อยๆ เดี๋ยวมีคิวไปยังประเทศอื่นๆเดือนมกราคม น่าจะไปประเทศเกาหลีครับ”

กลัฟ คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์

ตารางงานแน่นจะหาเวลาพักผ่อนมั้ย ?

“ช่วงนี้ ก็อาจจะยังไม่ได้พัก แต่ตอนหลังจากนี้ ก็จะเป็นช่วงๆเทศกาล ตอนปีใหม่ อาจจะมีได้พักบ้าง ถามว่า คิดต้องการลาพักร้อนสัก 10 วันมั้ย ยังไม่ได้คิดเลยครับ ถึงกับขนาด 10 วัน ยังไม่ได้คิด แต่ 2-3 วัน ก็มีคุยกับที่บ้าน กับเพื่อนๆบ้างครับ”

ปีใหม่นี้ คือ ไม่รับงานเลยใช่มั้ย ?

“คิดว่า ครับ คิดว่า ไม่รับ แต่ว่าก็ไม่แน่(หัวเราะ) ก็มีติดต่อมาบ้าง แต่ว่าเราก็ยังชั่งใจอยู่ว่าจะยังไงดี ต้องการพักผ่อนดีมั้ย ด้วยเหตุว่า ทั้งปีตลอดมา เราก็ทำงานมาตลอด”

ถ้าหากมองดูในมุมความสำเร็จ กลัฟ คิดว่า ตัวเองมาเร็วมั้ย ?

“ถามว่า เร็วมั้ย ก็เร็วนะครับ ถือว่าค่อนข้างจะเร็วเลย แต่ว่าถามว่าประสบความสำเร็จหรือยัง ก็แค่ในระดับนึง แต่ว่าก็ยังไม่ถึงกับขนาดประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้เลย ยังต้องปรับปรุงอีกเยอะเลยครับ”

กลัฟ จะดูแลทั้งยังชื่อเสียงความนิยมชมชอบ ที่มีคนรักมากๆแบบนี้ไว้ยังไง ?

“เรา ก็เป็นตัวของตัวเองนี่แหละครับ ผมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเลย คือ สม่ำเสมอครับ ด้วยเหตุว่า ถ้าเราสม่ำเสมอกับทุกคน กับพี่แฟนคลับทุกคน เราเป็นยังไง ก็เป็นอย่างนั้น ยังไงพี่ๆแฟนคลับ เขาไม่มีวันทิ้งเราอยู่แล้ว ยังไงเขาก็รักเราอยู่แล้ว เราให้ใจเขา ก็ให้ใจเราเหมือนกัน ใจแลกใจครับ”

กลัฟเข้าวงการบันเทิงมากี่ปี ?

“เข้ามาปีที่ 4 ก็ประสบความสำเร็จในระดับนึง ถามว่า มีเป้าหมายอะไรที่อยากจะทำอีกมั้ย ช่วงนี้ยังไม่ได้มีเป้าหมายอะไรที่เป็นชิ้นใหญ่อะไรขนาดนั้น จริงๆเราแค่ต้องการทำงานในวงการเรื่อยๆ ทำให้ครบทุกหน้าที่เท่านั้นในตอนนี้นะครับ พรุ่งนี้ อาจจะมีเป้าหมายใหม่ก็ได้ครับ”

อีลอน มัสก์

“อีลอน มัสก์” เสียแชมป์บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก ให้เจ้าของหลุยส์ วิตตอง

อีลอน มัสก์ เจ้าของTwitterและซีอีโอเทสลา ถูกโค่นตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เมื่อวันพุธ อ้างอิงมาจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส จากมูลค่าหุ้นเทสลาที่ร่วงลงอย่างมาก และมหากาพย์ดีล
Twitter 44,000 ล้านดอลลาร์

อีลอน มัสก์ เสียแชมป์ให้กับ เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์

รอยเตอร์อ้างรายงานของนิตยสารฟอร์บส ที่ได้ระบุว่า อีลอน มัสก์เสียแชมป์ไปชั่วคราวเมื่อวันพุธให้กับเบอร์นาร์ด อาร์โนลด์ วัย 73 ปี ซีอีโอของ LVMH ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton, Christian Dior และ Givenchy และยังเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องสำอางค์ Sephora ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 184,700 ล้านดอลลาร์

เขา ช่วงชิงตำแหน่งนี้มาจากเจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งAmazon และครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ตามการจัดอันดับของฟอร์บส มาตั้งแต่เดือนก.ย.ปีก่อน มีทรัพย์สินมูลค่า 185,400 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของฟอร์บส
ณ ช่วงบ่ายวันพุธ

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขา ลดลงต่ำกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์เมื่อวันพุธ หลังจากที่ผู้ลงทุนเทขายหุ้นเทสลา จากความกังวลว่าผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารายนี้จะทุ่มเทให้กับTwitterมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

นอกเหนือจากเทสลาแล้ว เขายังได้บริหารบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ SpaceX และนิวรัลลิงค์ สตาร์ทอัพที่พัฒนาชิปฝังใส่สมองซึ่งจะเชื่อมต่อสมองมนุษย์กับระบบคอมพิวเตอร์อีกด้วย

บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก

เปิดประวัติ“อีลอน มัสก์”

อีลอน รีฟ มัสก์ เกิดวันที่ 28 มิถุนายน 1971 ที่กรุงพริทอเรีย 1ใน3เมืองหลวงของประเทศแอฟริกาใต้ ในครอบครัวที่มีพ่อเป็นวิศวกรชาวแอฟริกาใต้ และแม่เป็นนางแบบและนักโภชนาการที่มีเชื้อสายแคนาดา เขามีน้องชาย 1 คน และน้องสาว 1 คน

ในวัยเด็ก เขาสนใจและมีพรสวรรค์ในเรื่องของคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมส์ เมื่ออายุ 12 ปี เขาก็ลงมือเขียนโค้ดวิดีโอเกม สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ต่อมาเขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยพริทอเรียเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่แคนาดาเมื่ออายุ 17 ปี เพื่อเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร โดยเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยควีนส์ ในรัฐออนแทรีโอของแคนาดา 2 ปีต่อมาจึงได้ย้ายไปมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเรียนจบปริญญาด้านด้านเศรษฐศาสตร์และฟิสิกส์ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 1995 เพื่อเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะทุ่มให้กับธุรกิจของเขามากกว่า

เขาเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัทหลายแห่ง ตั้งแต่บริษัทเว็บซอฟต์แวร์ “ซิป2” ร่วมกับน้องชาย ก่อตั้งธนาคารออนไลน์ “เอ็กซ์ดอทคอม” ซึ่งได้ถูกควบรวมกิจการกับบริษัทคอนฟินิตี และกลายเป็นบริษัทเพย์พัลในปัจจุบัน ต่อมาในปี 2002 เขาก่อตั้งบริษัทSpaceX บริษัทผู้ผลิตยานอวกาศและผู้ให้บริการขนส่งทางอวกาศ และเมื่อปี 2004 ก็ก่อตั้งและร่วมลงทุนในบริษัทเทสลาซึ่งได้ขึ้นดำรงตำแหน่งCEO ในปี 2008 นอกเหนือจากเทสลาบริษัทดังกล่าว เขาก็ยังก่อตั้งบริษัทโซลาซิตี้ โอเพ่นเอไอ นิวรัลลิงก์ และบอริ่งคอมพานี นอกเหนือจากนี้ยังเป็นผู้เสนอแนวคิดเรื่องไฮเปอร์ลูป ระบบการเดินทางด้วยความเร็วสูงผ่านท่อสุญญากาศอีกด้วย

บุคคลร่ำรวย

จุดเริ่มธุรกิจของอีลอน มัสก์

เขาย้ายไปอยู่แคนาดาตอนอายุ 17 ปี โดยได้รับสัญชาติแคนาดาผ่านทางแม่ เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยควีนส์ ในเมืองคิงสตัน ที่ซึ่งเขาได้พบกับ จัสติน วิลสัน ภรรยาคนแรกของเขา โดยทั้ง2แต่งงานและมีลูกชายถึง 5 คน เป็นแฝด 2 และแฝด 3
ก่อนที่จะหย่ากันในปี 2008

หลังจากเรียนที่มหาวิทยาลัยควีนส์ได้ 2 ปี เขาก็ย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียในสหรัฐฯ เลือกวิชาเอก 2 ตัว แต่เขาไม่ได้เรียนอย่างเดียว เขากับเพื่อนนักศึกษาอีกคน ซื้อหอพักขนาด 10 ห้องนอนและใช้เป็นเหมือนไนต์คลับส่วนตัว ก่อนที่เขาจะเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์เอกฟิสิกส์ และสาขาศิลปศาสตร์เอกเศรษฐกิจจากโรงเรียน วาร์ตัน

พออายุ 24 ปี เขาก็ย้ายไปแคนาดาเพื่อเรียนต่อปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แต่เนื่องจากยุคนั้นเป็นช่วงที่อินเทอร์เน็ตเฟื่องฟูขึ้นมาและซิลิคอนวัลเลย์กำลังบูม ก็ทำให้วิสัยทัศน์ในฐานะนักธุรกิจของมัสก์พรั่งพรู จนทำให้เขาล้มเลิกเรื่องการต่อปริญญาเอกทันที หลังจากสมัครได้เพียง 2 วัน

อีลอน มัสก์ เสียแชมป์

มหากาพย์การ take over Twitter
เขาถือเป็นผู้ใช้งานเว็บไซต์Twitterตัวยง ก่อนที่จะมีการเปิดเผยในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า เขาถือหุ้นTwitterถึง 9.2% ทำให้คณะกรรมการของทวิตเตอร์เสนอตำแหน่งในบอร์ดบริหารแก่เขา ซึ่งเขารับก่อนที่จะปฏิเสธภายในไม่กี่วันต่อมา ภายหลังจากนั้น เขาก็ส่งจดหมายถึงบอร์ดบริหารของTwitter เสนอที่จะซื้อบริษัทในราคา 54.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น

นั่นก็คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การซื้อTwitterของเขา โดยในตอนแรกบอร์ดของTwitter ไม่ต้องการที่จะขาย และใช้กลยุทธ์วางยาพิษ (poison pill) ด้วยการอนุญาตให้ผู้ถือหุ้นเดิม สามารถซื้อหุ้นออกใหม่ในราคาที่ถูกลง เพื่อลดการถือครองของนักลงทุนรายใหม่ และเพื่อไม่ให้เขาถือครองหุ้นมากขึ้นกว่าเดิม แต่ท้ายที่สุดTwitterก็ตกลงขายบริษัทภายใต้ข้อตกลงมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทว่าในเดือนก.ค. 2022 เขากลับพยายามถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าว อ้างว่าTwitterล้มเหลวในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้ปลอมและสแปมในระบบ ซึ่งทำให้Twitterยื่นฟ้องร้องมหาเศรษฐีรายนี้ เพื่อบังคับให้เขาทำข้อตกลงให้เสร็จสิ้น หลังจากนั้นทั้งคู่ฝ่ายก็ต่อสู้กันทางกฎหมายเรื่อยมา

กระทั่งในวันที่ 3 ตุลาคม 2022 เขาก็กลับลำอีกครั้ง โดยบอกว่าเขาจะซื้อTwitterในราคาที่เขาเสนอไปในตอนแรกคือ 54.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น หากผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์เจ้านี้ยอมถอนฟ้อง หลังจากนั้นในวันที่ 26 ตุลาคม เขาไปยังสำนักงานใหญ่ของTwitterที่ซาน ฟรานซิสโก พร้อมกับแบกอ่างล้างหน้า และเปลี่ยนข้อมูลประวัติบนหน้าTwitterของตัวเองใหม่ โดยใช้คำว่า “Chief Twit”
ก่อนที่จะปิดดีลซื้อขายในวันต่อมา ได้เป็นเจ้าของTwitterอย่างเป็นทางการ

อีลอน มัสก์ เสียแชมป์หลุย

Tesla กับ SpaceX อีลอน มัสก์

เข้ามามีบทบาทธุรกิจกับ Tesla ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อ Tesla Motor ในฐานะนักลงทุนเริ่มแรกเมื่อปี 2004 โดยสนับสนุนเงินทุกจำนวน 6.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเข้าร่วมทีมบริหารบริษัทร่วมกับนาย มาร์ติน เอเบอร์ฮาร์ด ผู้รับตำแหน่งCEO อย่างไรก็ตาม เกิดความไม่ลงรอยกันหลายๆอย่างในบริษัท ทำให้นายเอเบอร์ฮาร์ดถูกถอดจากตำแหน่งในปี 2007 ก่อนที่เขาจะรับตำแหน่งCEO กับฝ่ายสถาปัตยกรรมผลิตภัณฑ์ และทำให้ Tesla กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

ขณะเดียวกัน เขาได้ใช้เงินส่วนใหญ่ที่ได้จากเงิน 180 ล้านดอลลาร์ที่ได้จากการขายหุ้น PayPal ในการก่อตั้งบริษัท เทคโนโลยีการสำรวจอวกาศ (Space Exploration Technologies Corporation) ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ SpaceX ในปี 2002 และปัจจุบันกลายเป็นผู้ผลิตจรวดนำส่งรายใหญ่ของโลก ได้ทำสัญญาณขนส่งกับองค์การNASA และเขาวางแผนจะส่งนักบินอวกาศไปยังดาวอังคารให้ได้ภายในปี 2025 ด้วยความร่วมมือกับNASA

แมท ภีรนีย์

“แมท ภีรนีย์” เปิดใจครั้งแรก? หลังถูกจับตา สถานะความรัก “สงกรานต์”

หลังจากที่ปล่อยให้บรรดาชาวเน็ตถูกสงสัยกันอยู่นาน ท้ายที่สุด แมท ภีรนีย์ คงไทย นางเอกซุปตาร์ขวัญใจแฟนละคร ก็ได้ออกมาเปิดใจสะสางประเด็นร้อน เป็นครั้งแรก ถึงสถานะความสัมพันธ์กับไฮโซหนุ่ม สงกรานต์ เตชะณรงค์ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีภาพหวานๆ ปรากฎให้เห็น แถมที่ผ่านมาบนอินสตาแกรมสตอรี่ของเจ้าตัว ก็ยังได้มีการโพสต์ข้อความชักชวนให้รู้สึก เอ๊ะ! ด้วยเบาๆ

ซึ่งทั้งหมดนี้ แมท ภีรนีย์ ได้ชี้แจงอย่างละเอียด พร้อมอัปเดตสเตตัสความรัก ระหว่างเธอ แล้วก็ สงกรานต์ ให้พวกเราฟังว่า…

“ต้องเกริ่นก่อนว่า (หัวเราะ) เหมือนหาเรื่องให้ตัวเอง คือ…ตัวหนังสือที่เห็นนะคะ ต้องแยกเป็น 2 อัน ต้องแยกเป็น 2 ก้อน เอ่อ…มันเหมือนกับในเวลาที่เจอคลิป เจอเพลง เจอโควท หรือ เจออะไร ที่มันตรงใจ แล้วก็ เคยประสบพบเห็นมา ในอดีต

แมท ก็มักจะหยิบขึ้นมาแชร์อยู่แล้ว มันแค่นั้นเอง แล้วก็ พอมาถึงก้อนที่ 2 ก้อนทำงาน ก็คือปกตินะคะ อันนี้ แมทต้องเกริ่นด้วยเหมือนกันว่า แมท เป็นแม่ค้า แมท ขายสบู่ ขายเจลล้างหน้า แมท ก็จะขายเพียงแค่อยู่ในออนไลน์ แมทไม่ได้มีระบบหน้าบ้าน ไม่ได้มีระบบแบบที่แมทต้องดูแลพวก ไฟ น้ำ เครื่อง อุปกรณ์ต่างๆ

สงกรานต์

แล้วก็ ทีนี้ พอแมทได้มาเจอกับระบบ ก็คือ…นางก็เปิดให้อะไรอย่างนี้ แมทเลยอยากจะเต็มที่กับมัน ไม่ต้องการให้ใครมาว่าพวกเราได้ ทำอะไร พวกเราก็ต้องการทำให้ดี แมทก็เลยแบบจั้มพ์อินไปเลย จนเพื่อนๆ บอกว่า ‘หายไปเลย ไม่รับโทรศัพท์’ แล้วก็ ประเด็นของสตอรี่ก้อนนี้ ก็คือ

พวกเราแซวตัวเอง ‘เอ้ย! แก ฉันไม่รับโทรศัพท์เลยนะ ฉันยุ่งมาก ฉันต้องแก้นู่น ฉันต้องทำนี่ ทำคนเดียวหมดเลยทุกๆอย่าง อะไรแบบนี้’ เพื่อนก็เลยแซวแมท บอกว่า ‘ก็ไม่สวยไง ก็เหนื่อยหน่อยนะ’ แค่นั้นเลย แต่ว่าบังเอิญแมทลืมไปว่า ตอนเช้า หรือ บ่าย ไม่รู้ แมทไปลงโพสต์อันนั้น มันก็เลยดูต่อเนื่อง”

สรุปแล้วทั้งหมดทั้งมวล ไม่มีใดๆเลย ที่เกี่ยวกับ สงกรานต์ ?

“ไม่เลยค่ะ แล้วก็ มีคนถามแมทเรื่องนี้เยอะมากเลยนะคะ รับโทรศัพท์ไม่ไหว หูไหม้แล้ว (หัวเราะ)”

คนโยงไปถึงเรื่องที่เราทำบุญ ปฏิบัติธรรม บอกว่า เราไปทำใจ ?

“เรื่องทำบุญ แมททำทุกเช้าอยู่แล้วค่ะ”

สงกรานต์ เขางงไหม อยู่ดีๆก็มีเรื่องนี้โผล่ขึ้นมา ?

“คือ…ก็ยังไม่ได้คุย เนื่องจาก ต่างคนต่างยุ่ง ยุ่งมากค่ะ”

เขารู้ไหมว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา ?

“อันนี้ขอยังไม่ตอบได้ไหม เพราะว่า แมทเองก็ยังไม่ได้คุยกับพี่เขาจริงๆ คือ ตอนนี้แยกกันทำงาน แทบจะไม่ได้เจอกันเลย”

อาจเป็นเพราะเนื่องจาก รูปคู่ ไม่ค่อยมีให้เห็น คนก็เลยยิ่งตีความไปเรื่อย ?

“ยังไม่ค่อยมีโอกาสค่ะ อย่างที่บอก เราทำงานกันเยอะ แล้วก็ ยังไม่ได้ไปพักผ่อนที่ไหนด้วย”

เจอกันลดน้อยลง แต่ว่าก็ยังดีกันเหมือนเดิม ?

“เดี๋ยวกลับไปคุยก่อน (หัวเราะ) ยังตอบไม่ได้ คือ แมทเกร็งไปแล้ว ถ้าตอบไปแล้ว มันใช่หรือไม่ใช่ยังไง แต่แมทคือเหมือนเดิมเลย ถ้ามีอะไร เดี๋ยวก็จะกล่าวจริงๆ พี่ๆก็รู้อยู่แล้วว่า แมทไม่เคยโกหก แมทกล่าวทุกๆอย่างจริงๆ”

ยืนยันสักนิดว่า ความรักยังดีเหมือนเดิม ?

“ก็…เดี๋ยวกลับไปคุยก่อน ยังไม่ได้คุยเลย”

ช่วงหยุดยาว จะมีแพลนไปเที่ยวไหม ?

“ไม่ค่อยมีค่ะ ไม่ค่อยได้ไปไหน แต่ว่าที่เห็นว่าแมทไปต่างจังหวัดบ่อยมาก ไปต่างประเทศบ้าง อันนั้น คือ ไป เพราะว่า งานทั้งนั้นเลย เขาชวนไป”

คำตอบของเรา ค่อนข้างคาใจ กลัวไหมว่า คนจะไม่เคลียร์ แล้วก็ ตีความหมายผิด ?

“ค่ะ ดีเลยค่ะ ที่พี่ๆถาม คือ ที่แมทบอกว่า ยังไม่ได้คุย แปลว่า แมทยังไม่ได้รู้ว่า พี่เขารู้สึกอย่างไร หรือ อะไรกับข่าวนี้ หรือ กับโพสต์นี้ ที่มันดูใหญ่มาก แมทยังไม่ได้ถามความรู้สึกเขา แต่ว่าถ้าถามความรู้สึกของแมท ก็คือ แมทยังเหมือนเดิมทุกๆอย่างค่ะ”

ทุกวันนี้ ยังคุยกันปกติ ยังโทรศัพท์หา ยังพูดเล่นกันอยู่ ?

“ไม่ค่อยค่ะ เนื่องจาก ยุ่งกันจริงๆ อย่างตัวพี่เขาเอง ก็มีธุรกิจเกี่ยวกับก่อสร้าง แล้วก็ ตัวแมทเอง พอแมทมีร้านที่ต้องดูแล แล้วก็ เขาก็ตั้งใจทำให้ แมทเลยตั้งใจมาก อย่างระยะแรกๆ นางก็จะส่งแชทมาบอกทำนองว่า ‘ตั้งใจทำด้วยนะครับ’ ซึ่งแมทก็มีความคิดว่า แมทไม่อยากอยู่เฉยๆ แมทต้องการทำให้เต็มที่ ทำตัวให้มีประโยชน์”

คู่เราไม่ได้คู่ที่แบบต้องโทรศัพท์หากันทุกๆวัน ใช่ไหม ?

“พักหลังค่ะ พักหลังด้วยความยุ่ง แล้วก็ อย่างที่บอก คือ แมทไม่ได้อยากต้องการปิดว่า แบบ ‘ปกติค่ะ เหมือนเดิมค่ะ’ ทั้งที่ เราแบบยุ่งมาก คุยกันน้อยจริงๆ คือ ไม่ต้องการให้เข้าใจผิด หรือ มีข่าวที่ไปเขียนเอง หรือ ไปคุยกันเอง เนื่องจาก ท้ายที่สุดแล้วอ่ะค่ะ ผลกระทบมันจะตกมาอยู่แมทคนเดียว ซึ่งถ้าเป็นแมทคนเดียว แมทก็ยังโอเค แต่ว่าแมทจะเสียใจทุกครั้ง หากมันกระทบ ไปถึงคนอื่นๆ”

วันนี้เราก็กล่าวในส่วนของตนเองล้วนๆ?

“ใช่ค่ะ แมทก็กล่าวในส่วนของแมทจริงๆ”

เจอสงกรานต์ครั้งล่าสุดเมื่อไร ?

“เมื่อวาน เจออยู่ค่ะ เจอเดินอยู่ไกลๆ”

ต่างคนต่างทำงานอย่างนี้ จะทำให้ความหวานลดลงไหม ?

“จริงๆ คู่เราไม่ได้สวีทอยู่แล้วมาตั้งแต่แรก ถ้าจะกล่าวว่า เป็นคู่รักห้าวๆ ก็ได้ แล้วก็ วันนี้ก็ดีใจนะคะ ที่ได้ออกมากล่าว”

เปิดใจครั้งแรก แมท ภีรนีย์

ประวัติแมท ภีรนีย์ คงไทย

“แมท ภีรนีย์ คงไทย” ชื่อเล่น แมท เกิด 28 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2532 เป็นดาราหญิงลูกครึ่งไทย-นอร์เวย์ โดยพ่อ เป็นชาวนอร์เวย์ แม่ เป็นคนไทย เดิมใช้นามสกุล วงศ์ดารา โด่งดังจากผลงานการแสดง ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 แมท เกิดที่จังหวัดกรุงเทพ สำเร็จการศึกษาระดับอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนต้น ที่โรงเรียนวาสุเทวี

ระดับม.ปลาย ที่โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา สายศิลป์-ดนตรี แล้วก็ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการละคร ยิ่งไปกว่านี้ เธอยังสามารถเล่นกีตาร์ แล้วก็ ไวโอลินได้ ส่วนงานอดิเรกอันอื่น เธอชอบการวาดภาพ แล้วก็ ชื่นชอบสะสมแสตมป์ แล้วก็ หนังสือการ์ตูน

แมท ภีรนีย์ ก้าวเข้าวงการบันเทิง ตั้งแต่อายุ 13 ปี โดยคำชวนของโมเดลลิ่ง ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วก็ มีผลงานสร้างชื่อเสียง กับผลงานโฆษณาครีมอาบน้ำสบู่ลักส์ คู่กับ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ต่อมาทางช่อง 3 มองเห็นแวว ก็เลยให้โอกาสเธอ เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพาวเวอร์ทรี รุ่น 2 แมทเริ่มงานแสดงละครจากบทสมทบ ละครเรื่อง เรือนนารีสีชมพู

ต่อมา ก็เลยได้รับบทนำในละคร มณีดิน แล้วก็ ชมพู่แก้มแหม่ม ละครในสังกัด เมกเกอร์ เจ ของ จริยา แอนโฟเน่ แมท เป็นหนึ่งใน “แก๊งเฟอร์บี้” ที่มีสมาชิกเป็นนางเอกช่อง 3 ทั้งหมด 5 ได้แก่ แมท ภีรนีย์, แต้ว ณฐพร ,เต้ย จรินทร์พร , มิว นิษฐา แล้วก็ มิ้นต์ ชาลิดา ซึ่งเป็นนางเอกตัวท็อปของช่อง 3 ทั้งสิ้น หากมีเวลาว่างก็จะได้มีโอกาสท่องเที่ยวพร้อมแก๊งเสมอ

มิ้นท์ I Roam Alone

“มิ้นท์ I Roam Alone” เล่าอุทาหรณ์โดนไกด์ทิ้ง-ลวนลาม บอกนี่ไม่ใช่ครั้งแรก

เบื้องหลังการเดินทาง ที่ไม่ได้สวยงามทุกคราว “มิ้นท์ I Roam Alone” เล่าอุทาหรณ์ โดนไกด์ทิ้ง-ลวนลาม ขณะไปถ่ายคลิป ที่เนปาล บอกนี่ไม่ใช่ครั้งแรก

วันที่ 1 เดือนธันวาคม 2565 มีชาวเน็ตไม่น้อยเลยทีเดียว เข้าไปให้กำลังใจ “มิ้นท์” มณฑล กสานติกุล เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ “I Roam Alone” หลังจากมิ้นท์ ได้แชร์ประสบการณ์เบื้องหลัง การเดินทางที่ไม่ได้สวยงาม ที่เนปาล เมื่อมิ้นท์ และเพื่อนร่วมทริป ถูกไกด์ทิ้ง และพยายามลวนลาม

โดยมิ้นท์ เขียนเล่าเรื่องราวทั้งหมดว่า “เมื่อโดนไกด์เนปาลทิ้ง และโดนลวนลาม นักเดินทางผู้หญิง อยากให้อ่านนะคะ ความตั้งอกตั้งใจในการเล่าเบื้องหลัง การเดินทางครั้งนี้ ด้วยเหตุว่าการเดินทาง ก็เสมือนการใช้ชีวิตทุก ๆ วัน ที่มีทั้งเรื่องดี ๆ แล้วก็มีเรื่องมีราวไม่ค่อยดีด้วย บางวันเราเจอคนน่ารัก ได้ยิ้มตลอดทั้งวัน

แต่ว่าในวันเดียวกัน ก็บางทีอาจโดนหลอก เดินหลงทาง เจอคนแย่ ๆ จนกระทั่งต้องร้องไห้ ด้วยเหตุว่าการเดินทาง ก็ไม่ได้สวยหรูสำเร็จ ทุกหน เหมือนชีวิตที่ไม่ได้สวยงาม ในแต่ละวัน เลยต้องการมาแบ่งปันทุก ๆ ด้านนะ

มิ้นท์ I

มิ้นท์ I Roam Alone เล่าการไปถ่ายล่าผึ้งเนปาลครั้งนี้

ไม่มีอะไรได้ตามแผนสักอย่าง การสื่อสารกับไกด์หลักพังพินาศ จนกระทั่งจะต้องยืนโบกรถยนต์ ไปเรื่อย ๆ เกือบไม่ได้กลับบ้านพัก แล้วมารู้คราวหลัง ด้วยว่า นักล่าผึ้งไม่ได้เงินจากไกด์ เราสักบาท ส่วนไกด์ท้องถิ่น ที่ไกด์หลักเอาเรามาทิ้งไว้ ก็คอยจ้องจะโดนตัว แบบไม่เหมาะสม จนกระทั่งมิ้นท์กับเพชร จะต้องคอยดุสลับเดินหนีตลอด สุดท้ายพวกเรา ตัดสินใจยอมเรียก เฮลิคอปเตอร์ พากลับกาฐมาณฑุ เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย

สำหรับนักเดินทางผู้หญิง การถูกลวนลาม คือเรื่องที่น่ากลัว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นที่เนปาล แต่ว่าเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยครั้งแรก ทำให้รู้สึกแย่มาก โทษตนเอง จนกระทั่งทำให้กลัว การเดินทางไปพักนึงเลย ในตอนนั้นผู้ที่ทำเป็นไกด์ชาวเชอร์ปา อีกเหมือนกัน จนกระทั่งอดคิดไม่ได้ว่า นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้น บ่อย ๆ แล้วเคยมีใคร โดนอย่างนี้อีกบ้างหรือไม่

ครั้งแรกเดินทาง ไปเนปาลเมื่อปี 2015 ในตอนนั้นตั้งใจไปเดินขึ้นยอด Lobuche ยอด 6,000 เมตรและเดินต่อไปที่ Everest Basecamp การเดินทางครั้งนี้ ไม่ได้ไปคนเดียว แต่ว่าไปกับกลุ่มสิงคโปร์ ซึ่งหัวหน้าทีม เป็นผู้ที่เรารู้จัก และไว้วางใจมาก เขาปีนเขาที่เนปาล มาหลายสิบปีและกำลัง พยายามขึ้นยอด 8,000 ทั้ง 14 ยอดให้สำเร็จ

การเดินทางเริ่มดีมาก เจ้าของบริษัทปีนเขา ที่เนปาลที่หัวหน้าทีม ใช้มาหลายปีให้พวกเรา นั่งเฮลิคอปเตอร์เข้าเมือง Lukla แทนนั่งเครื่องบิน ซึ่งน่าตื่นเต้นมาก ๆ

ภายหลังอยู่ที่เมืองลุกลา เพื่อปรับร่างกายแป๊บนึง เราก็เริ่มต้น เดินเพื่อไปที่ Everest Basecamp แต่ว่าใครจะไปรู้ หลังจากเดินไปได้ ไม่ถึงครึ่งทาง แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่เนปาลก็เกิดขึ้น ทุกอย่างชุลมุนไปหมด อินเทอร์เน็ตถูกตัด โทรศัพท์ที่ใช้ได้ มีเพียงโทรศัพท์ดาวเทียม ของหัวหน้าทีม ในตอนนั้นจำไม่ได้ว่า ทำไม แต่ว่าหัวหน้าทีม ตัดสินใจเดินหน้าไปต่อไป ที่ EBC เพื่อดูว่า จะยังพอปีน ยอด 8,000 ได้ไหม แทนที่จะเดินกลับ ทุกคนก็รีบเดินไปกับเขา จนกระทั่งเราที่ร่างกาย อาจจะยังไม่พร้อม ได้รับบาดเจ็บหมอนรองกระดูก ปลิ้นทับเส้นประสาท จนกระทั่งขาชาไป 1 ข้าง แต่ว่าถึงจะเป็นอย่างงั้น ก็ยังฝืนเดินต่อ อีกหลายวัน ด้วยเหตุว่ามัน ไม่มีทางเลือกอื่น

I Roam Alone

เสียงเฮลิคอปเตอร์บิน ผ่านไปผ่านมาตลอดระยะเวลา เพื่อขนย้าย

ผู้ที่บาดเจ็บ ที่ Everest Basecamp หัวหน้าทีม ก็พยายาม เรียกเฮลิคอปเตอร์กลับเมือง Lukla เช่นเดียวกันแต่ว่าก็ไม่ได้ ด้วยเหตุว่าถึงแม้เฮลิคอปเตอร์ที่ว่า มีมากที่เนปาล แต่ว่าก็ไม่ได้เยอะ พอสำหรับวิกฤต ที่ใหญ่ขนาดนี้ เราเลยจำเป็นต้องเดินกัน กลับลงมา

วันนึงที่ ที่พักที่อยู่ระหว่างทางเดินลง กลับไปที่เมือง Lukla หัวหน้าทีมก็บอกว่า ไกด์เจ้าของบริษัท หาเฮลิคอปเตอร์ได้แล้ว จะส่งเฮลิคอปเตอร์มารับ แต่ว่าเฮลิคอปเตอร์ มีที่ว่างเพียงที่เดียว เขาบอกว่าให้เธอ ไปกับเขาด้วยเหตุว่าเธอบาดเจ็บ ส่วนพวกฉันจะเดินลงไป เจอกับเธอที่เมือง Lukla จะได้กลับกาฐมาณฑุด้วยกัน

ในตอนนั้นตนเองดีใจ และเบาใจมาก ๆ ด้วยเหตุว่าปวดหลัง จนทนแทบไม่ไหว ขาก็ไม่มีแรงแล้ว ใครจะไปรู้ว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มต้น ของฝันร้าย ย้อนกลับไปหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น เหมือนกับเขาพยายาม แยกเราออกจากกลุ่มมากกว่า…

เมื่อเฮลิคอปเตอร์จอด ไกด์คนนี้ก็พาเรา เข้าที่พักตามปกติ แต่ว่าที่ไม่ปกติคือ เขาจะคอยมาอยู่ใกล้ ๆ คอยพยายาม โดนตัวเราตลอด เวลาที่นั่งลง เขาจะเดินมา นั่งใกล้ ๆ มาขอนวดให้ จับบ่าจับขาจนเราจะต้องปฏิเสธ เป็นพัลวัน แต่ว่าที่น่ากลัวที่สุด คือ เขาพูดว่า “สองสามคืนนี้ขอไปนอนที่ห้องได้ไหม ที่พักมันเต็มหมดเลย ขอไปนอนด้วยนะ” พอเราปฏิเสธ เขาก็พูดหัวเราะ ๆ บอกว่า “เดี๋ยวเข้าไปเองได้”

หลังจากวันแรกที่ไปถึง ทุกคืนก็จะต้องเอาเก้าอี้ มาวางดันประตู แล้วเอากุญแจ เสียบเข้าไปในล็อ ด้วยเหตุว่าเคยอ่านเจอว่า จะทำให้อีกผู้ที่มีกุญแจไข เข้ามาไม่ได้ ส่วนช่วงกลางวันก็จะนั่งอยู่นอก ที่พักเพื่อหลบเขา จะปวดขาปวดหลัง ก็จะต้องอยู่ข้างนอก ด้วยเหตุว่าเจอทุกครั้งก็จะ โดนจับตัวเสมอ

ช่วงเวลาหลายวันนั้น เครียดมาก ด้วยเหตุว่ามีความรู้สึกว่า ไม่มีทางสู้อะไรได้เลย ขาก็บาดเจ็บ เรื่องราวหลัง แผ่นดินไหว ก็ดูเหมือนแย่ลงเรื่อย ๆ ทุกวันรอแต่ว่า ทีมจะมาถึงเมืองเมื่อใด แต่ว่าทีมก็ไม่มาสักที จนกระทั่งสุดท้ายไกด์คนนี้ เดินมาบอกว่า “มีเฮลิคอปเตอร์แล้ว เดี๋ยวเราลงไปพร้อมทีมจีน”

ความรู้สึกในตอนนั้นคำว่า โล่งใจยังน้อยไป มันเหมือนยกภูเขา ออกจากตัวไปเลย ด้วยเหตุว่าคิดว่า อย่างน้อยถึงกาฐมาณฑุ เราก็จะปลอดภัย

ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง บนเฮลิคอปเตอร์ ไกด์คนนี้ มานั่งตัวติดอยู่กับเรา และพยายามโอบไหล่ ไปตลอดทาง เขามากระซิบใกล้ ๆ ว่า “ฉันมีลูกมีเมียแล้วนะ ที่กาฐมาณฑุคงจะ อยู่กับเธอมากไม่ได้ เอางี้ไหม เดี๋ยวไว้เราไปดูไบกัน เดี๋ยวฉันพาเธอไปเที่ยวไปโดดร่มกัน” ในใจในตอนนั้นนึกอย่างเดียวว่า ขอให้ถึงไว ๆ ด้วยเหตุว่ามันน่าอึดอัด และน่าขยะแขยงมาก ที่กาฐมาณฑุเขาเป็น คนจัดการที่พัก ซึ่งอยู่นอกเมืองไปหน่อย เพื่อรอทีม ที่กำลังจะตามมา อีกวันหรือสองวัน ตอนเขายื่นกุญแจให้ เขาก็ทำเหมือนเดิม คือ

“เธอนอนห้องอะไรนะ”
“ไม่บอก”
“ไม่เป็นไรเพราะฉันรู้เบอร์ห้องเธอ”

มิ้นท์

ทุกคืนที่นั่น ก็เลยเป็นเหมือนเดิม คือ ต้องหาอะไรมาขวางประตูไว้ แต่ยังดีที่ไม่ต้องเจอกับเขาบ่อย ๆ

ถามว่าทำไม ไม่ไปหาที่พักเอง หากใคร อ่านข่าวแผ่นดินไหว ที่เนปาลในตอนนั้น จะรู้เลยว่า เมืองทั่วเมืองราบ เป็นหน้ากลอง พื้นถนนพัง เสาไฟฟ้าล้มระเนระนาด และแผ่นดินไหวย่อย ๆ เกิดขึ้นตลอด

โรงแรมที่ปลอดภัย มีไม่มากแล้วก็ สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา ยิ่งไม่มีทางรู้ ได้เลยว่า ที่ไหนจะปลอดภัย ที่ทำได้ในตอนนั้น คือ รอไฟล์ทกลับกรุงเทพฯ

ที่แย่กว่านั้น คือเมื่อทีมมา ถึงแล้ว เราแจ้งหัวหน้าทีม เขากลับหัวเราะแล้วบอกว่า ‘ดีแล้วนะ ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ฟรีดีจะตาย’ พอได้ยินเขา พูดอย่างงั้น ตนเองก็ยิ่ง สับสนว่า นี่เป็นสิ่งที่ยอมรับ ได้ที่นี่รึเปล่า

3-4 วัน ที่อยู่ที่เนปาล ทุกครั้งที่ทีม จะต้องเจอกับไกด์คนนี้ เราก็จะต้องคอยเดินหลบ ด้วยเหตุว่าเขาจะ ทำเหมือนเดิมอยู่เสมอ เพียงสบตา เรายังไม่กล้า

จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน อ่านเจอข่าวนึงเกี่ยวกับ Everest พอเห็นรูปเขา กับลูกชายที่ลงข่าวดัง ในวงการปีนเขา ตนเองก็ยังรู้สึก ชาไปหมด เขาคือเหตุผล ที่ทำให้ไม่กล้ากลับไป ที่เนปาลมาหลายปี

นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมการมาเนปาลครั้งนี้ ถึงตัดสินใจใช้ไกด์ ที่เพื่อนไว้วางใจ และไม่กล้าใช้ไกด์ คนไหนก็ได้ แต่ว่าก็เป็นอีกรอบ ที่จะต้องเจอปัญหา ยังโชคดีที่เหตุการณ์ เปลี่ยนทำให้พวกเรา ไม่ต้องอดทนและกล้าจะสู้กลับ

ถ้าถามว่า ทำไมไม่แจ้งความ ทำไมไม่เล่าเรื่อง เหล่านี้ก่อนหน้านี้ จริง ๆ เคยพูดเรื่องนี้บ้าง แต่ก็เล่าแค่นิดหน่อย เพราะกลัวกลัวคำพูดที่ว่า “แล้วไปทำไม?” “อยากเดินทางคนเดียวก็แบบนี้…” กลัวโดนบอกว่า ที่เจอแบบนี้ เป็นเพราะเราหาเรื่องเอง…

แต่ว่าที่ตัดสินใจ เล่าด้วยเหตุว่านี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เกิดขึ้น ที่เนปาล และทั้ง 2 ครั้ง ก็ไม่ได้เดินทางคนเดียวด้วย ที่ต้องการแบ่งปัน เรื่องนี้ด้วยเหตุว่า อาจจะมีหลาย ๆ คน ที่เคยเจอเรื่องเหล่านี้เช่นกัน หรือหากต่อไป

จะต้องเจอกับคนเหล่านี้ ต้องการบอกว่าไม่ต้องมัวโทษตนเอง ด้วยเหตุว่าการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ใช่พฤติกรรมที่ยอมรับได้ ไม่ว่าจะกับใคร ที่ไหน เมื่อใด เราจะอยู่บ้าน จะเดินทางคนเดียว หรือจะเดินทาง เป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะที่ไหน อย่างไรการล่วงละเมิดทางเพศ ก็ไม่ควรเกิดขึ้นทั้งนั้น

มุนซังมิน

สื่อเผยความมาแรงของ มุนซังมิน ได้รับข้อเสนองานโฆษณากว่า 20 แบรนด์ หลังแจ้งเกิดในซีรีส์ Under The Queen’s Umbrella

นาทีนี้หากต้องพูดถึงดารา หน้าใหม่ ดาวรุ่งที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งแล้วนั้น
นักแสดง มุนซังมิน คงจะเป็นหนึ่งในรายชื่อ ที่ต้องถูกนึกถึงอย่างแน่แท้ เพราะว่าจาก บทบาท องค์ชายซองนัม ในซีรีส์ Under The Queen’s Umbrella
ที่เขาได้แสดงนั้น นอกจากจะได้รับความรัก อย่างล้นหลาม จากทักษะ การแสดงของเจ้าตัวที่ยอดเยี่ยมแล้วนั้น
แต่รูปร่างและหน้าตาที่เด่นออกมาท่ามกลางนักแสดงมากมาย
ก็ได้รับความสนใจจากแบรนด์ผลิตภัณฑ์ไปได้ไม่น้อย จนกระทั่งปัจจุบัน Moon Sang Min ได้รับข้อเสนองาน โฆษณามากยิ่งกว่า 20 แบรนด์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Under The Queen’s Umbrella

หลังจากความดังของมุนซังมิน

ที่เริ่มถูกเอ๋ยถึงในวงกว้างมากยิ่งขึ้นนั้น ก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะทำให้อุตสาหกรรมโฆษณาต่าง ๆ
ดูครึกโครมเพิ่มขึ้น
จนกระทั่งปัจจุบันได้มีแบรนด์เครื่องสำอางคัดตัวนักแสดง Moon Sang Min เป็นนายแบบหลักของแบรนด์ เพราะว่าทางแบรนด์เครื่องสำอาง
มักเติบโตขึ้นจากการช่วยส่งเสริมของผู้ซื้อที่อยู่ในช่วงอายุ 18-34 ปี
ฉะนั้นทางแบรนด์จึงตั้งมั่นทำกลยุทธ์เพื่อสร้างการรับทราบและเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ด้วยการคว้าตัวนักแสดงดาวรุ่งอย่าง Moon Sang Min มาส่งเสริมกลยุทธ์นั้นนั่นเอง

โดยจากการรายงานปัจจุบัน ทางด้านของ Awesome Entertainment สังกัดของ มุนซังมิน

กำลังอยู่ในช่วงเจรจาปรึกษาขอคำแนะนำเกี่ยวกับความร่วมมือกับบริษัทและแบรนด์ผลิตภัณฑ์กว่า 20 สาขา
ที่หลากหลาย และคาดว่างานในครั้งนี้จะสามารถส่งเสริมกิจกรรมในตลาดออนไลน์และออฟไลน์ได้ถัดไป
ซึ่งทางด้านสังกัดของMoon Sang Min ก็ได้ออกมาเผยผ่านสื่อว่า “ขณะนี้เรากำลังได้รับความรักจากแบรนด์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์แฟชั่น ร้านค้าออนไลน์ เกม เบเกอร์รี่ แบรนด์นาฬิกา และธุรกิจด้านการศึกษา
ซึ่งจากความสนใจที่ได้รับอย่างท่วมท้นนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะบทบาทที่ มุนซังมิน ได้รับในซีรีส์อย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเพราะหน้าตาอันบริสุทธิ์และสไตล์ฮิป ๆ ของเขาด้วยเช่นกัน”
และแน่ ๆ ว่าอนาคตของ Moon Sang Min ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นไอคอนคนใหม่ของอุตสาหกรรมข้างต้น
จึงน่าจับตามองเป็นอย่างมากปัจจุบันนี้

Awesome Entertainment

มุนซังมินเริ่มเดบิวต์เป็นนักแสดงแบบเต็มตัวเมื่อปี 2019 ก่อนหน้านี้

ผ่านเว็บดราม่ามากไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 4 Reason Why I Hate X-Mas (2019), The Colors of Our Time (2020) และ The Mermaid Prince: The Beginning (2020) จนกระทั่งเขาได้พัฒนา ความสามารถเกี่ยวกับด้านการแสดงมา เรื่อย ๆ และ
เริ่มมีชื่อเสียงเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านซีรีส์ My Name (2021) ก่อนที่ในปีนี้เขาจะก้าวกระโดด ขึ้นมารับบทบาทนำเป็น ครั้งแรก ในซีรีส์ Under The Queen’s Umbrella (2022) และได้รับความรัก อย่างล้นหลาม จนกระทั่งผลงานนี้ นับเป็น อีกหนึ่งก้าวความสำเร็จของเขาเลยก็ว่าได้

เปิดวาร์ป มุนซังมิน หนุ่มหล่อน้องใหม่ หน้าใสชวนใจละลาย

Moon Sang Min เกิดช่วงวันที่ 14 ม.ย. ปี 2000 ขณะนี้อายุ 22 ปี

กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยซองคยองควาน (Sungkyunkwan University) สาขาการแสดงและศิลปะ (Acting and Arts Department)
ทั้งเขายังได้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยด้วย
เดี๋ยวนี้ซังมินเป็นนายแบบและนักแสดงภายใต้สังกัด Awesome Entertainment
ร่วมกับนักแสดงมีชื่อเสียงอย่าง พัค ซอจุน และ อี ฮยอนอู อีกด้วย

ซังมินเข้าวงการในปี 2018 ในเวลาที่อายุได้ 18 ปี
โดยเปิดฉากด้วยการเดินแบบให้กับคอลเล็คชั่น Fall/Winter ของแบรนด์ Caruso ตามมาด้วยคอลเล็คชั่น Fall/Winter ของแบรนด์ Sewing Boundaries
แล้วต่อจากนั้นในปี 2019
เขาก็ปรากฏตัวผ่านหน้าจอเป็นครั้งแรกในรายการเรียลลิตี้โชว์ Real High Romance 2
ก่อนที่จะได้ฝากผลงานการแสดงเรื่องแรกในชีวิต คือ เว็บดราม่าเรื่อง 4 Reasons Why I Hate Christmas ซึ่งถือว่าสอบได้เลย

ในปี 2020 ซังมินมีผลงานการแสดงสม่ำเสมอถึง 2 เรื่อง นั่นก็คือซีรีส์เรื่อง The Colors of Our Time และเรื่อง The Mermaid Prince: The Beginning
ซึ่งเรื่องนี้เขาได้อวดหุ่นเท่ ๆ ด้วย เพราะว่ารับบทบาทเป็นนักว่ายน้ำนั่นเอง ทั้งสองเรื่องพูดได้ว่าปัดกวาดเรตติ้งไปไม่น้อย
ประกอบกับหน้าหวาน ๆ ไหล่กว้าง รูปร่างสูงของซังมิน เลยทำให้เขาเปลี่ยนเป็นหนุ่มดอกไม้ที่คว้าหัวใจสาว ๆ ไปได้มากมายเลย

ในปี 2021 ก่อนหน้านี้ มุน ซังมิน ก็ได้ร่วมแสดงในซีรีส์สายดาร์กอย่างเรื่อง My Name
ร่วมกับนักแสดงดังมากไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ฮัน โซฮี, อัน โบฮยอน, พัค ฮีซุน และอีกเพียบเลย
โดยเขารับบทบาทเป็น ‘โก กอนพยอง ตำรวจน้องเล็กในทีมปราบยาเสพติด ที่ถึงจะไม่มีบทบาทมากนัก แต่ออกมาแต่ละทีก็ทำเอาใจละลาย และดึงดูดสายตาของสาว ๆ มากมายเลย
ที่สำคัญคือซีรีส์เรื่องนี้เรตติ้งดีเยี่ยม จนกระทั่งทำให้ มุน ซังมิน ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ดาวรุ่ง มุนซังมิน

และสำหรับในปี 2022 นี้ หนุ่มดอกไม้คนนี้

เขาก็มีซีรีส์รอจ่อคิวลงจอให้ได้รับชมกันถึง 2 เรื่อง คือ Duty After School และ Under The Queen’s Umbrella
ซึ่งในเรื่อง Under The Queen’s Umbrella นี้เขาได้รับบทนำด้วย แต่เท่าที่เห็นผลงานต้องบอกเลยว่า หนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา

ไลฟ์สไตล์ของ มุน ซังมิน

ส่วนเรื่องไลฟ์สไตล์ของเขานั้น หนุ่มคนนี้น่าจะไม่ถนัดเซลฟี่ด้วยกล้องหน้า แต่ชอบถ่ายภาพตนเองผ่านกระจก
ซึ่งก็น่ารักไปอีกในลัษณะหนึ่ง นอกจากนี้เขายังชอบถ่ายภาพทิวทัศน์และฟ้าสีสวย ๆ มาลงในอินสตาแกรมให้แฟนคลับได้ดูกันอีกด้วย

แจ็คสัน หวัง

โป๊ะหรือป่าว?ชาวเน็ตปาหลักฐานแชต อ้างเป็น ‘เพิร์ธ’ ปมล็อกกี้แฟน ‘ แจ็คสัน หวัง ’

เรียกได้ว่ากำลังเดือดปุด ๆ กันเลยกับเรื่องราวดราม่า ที่ปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องกับประเด็น
ล็อกกี้แฟนที่ดาราน้องใหม่แห่งแวดวงอย่าง เพิร์ธ วีริณฐ์ศรา กำลังกลายเป็นประเด็นอยู่ในเวลานี้
เมื่อคุณได้เป็นลัคกี้แฟนขึ้นเวทีกับ แจ็คสัน หวัง ในคอนเสิร์ตวันที่ 2 หลังจากนั้นก็กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างมาก
กระทั่งคุณต้องออกมาแจกแจงว่าไม่ได้มีอภิสิทธิ์การเป็นดาราหรือใด ๆ พร้อมขอโทษแฟนคลับด้วย

คอนเสิร์ตแจ็คสัน หวัง

อากาเซ่ฉุน! หลัง ‘เพิร์ธ’ขึ้นคอนเสิร์ต ‘แจ็คสัน’ เจ้าตัวเคลียร์สยบดราม่า

ภายหลังที่เธอได้ออกมาแจกแจง และก็คิดว่าเรื่องราวจะจบลง ทว่ายิ่งแก้ยิ่งแย่ในขณะเดียวกัน
ด้านพลังแห่งโซเชียลต่างพากันติดแฮชแท็ก #ล็อคกี้แฟน ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่งอย่างเร็ว
ล่าสุดมีชาวเน็ตได้ปาหลักฐาน เป็นแชตหนึ่งอ้างถึงว่าเป็นแชตของสาวเพิร์ธ
กำลังคุยกับทีมงาน โดยเป็นการคุยกันระหว่างที่กำลังเริ่มจะมีการลุ่นลัคกี้แฟน โดยได้ถามว่าดาราสาวอยู่ตรงไหน
พร้อมกับให้เดินแทรกมาด้านหน้า เพื่อที่จะได้ขึ้นมาอยู่ข้างหน้า ซึ่งทางดาราสาวก็มีท่าทีหวั่น ๆ ว่าจะแทรกไปไม่ถึง
แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด กระทั่งขึ้นมาเป็นลัคกี้แฟนได้สำเร็จ

เพิร์ธ

ท่ามกลางแฟนคลับและก็อากาเซ่ ที่ไม่พอใจ และก็แย้งต่อสายตาคนที่ได้เห็นคลิปเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม แชตดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงการกล่าวลอย ๆ ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นดาราสาวหรือเปล่า คงจะต้องรอให้สาวเพิร์ธออกมาชี้แจงถึงแชตที่หลุดออกมา เพื่อความเป็นธรรมของทั้งสองฝ่ายด้วย…

เพิร์ธขึ้นคอนเสิร์ต

ดราม่าอีก “ดาว พิมพ์ทอง” โชว์รูปคู่ แจ็คสัน หวัง ถูกโยง อภิสิทธิ์ดารา

ดราม่าอีกราย ดาราสาว “ดาว พิมพ์ทอง” หลังประกาศใช้ความพยายามกดบัตร 6500 บาท ด้วยตัวเอง
ล่าสุด ร่วมคอนเสิร์ต พร้อมโพสต์รูปภาพคู่ “แจ็คสัน” หรือ “พี่แจ็ค” ด้านหลังเวที พื้นที่ห้ามคนนอกเข้า
โซเชียลแห่สงสัย ใช้ อภิสิทธิ์ ชนชั้นดารา หรือเปล่า
ล่าสุด ตอบสั้น ๆ “ขอโทษ”
ก่อนจะไปสนุกสนานกับโค้งสุดท้าย JACKSON WANG MAGIC MAN WORLD TOUR 2022 มีดราม่าร้อนโผล่อีกแล้ว ภายหลังที่
นางเอกสาว “เพิร์ธ วีริณฐ์ศรา” ถูกสงสัยบางทีอาจเป็น “ล็อคกี้แฟน” ไม่ใช่ “ลัคกี้แฟน” จริง ล่าสุด ดาราสาว “ดาว พิมพ์ทอง” ได้ถูกโยง ดราม่า อีกราย หลังเจ้าตัวโพสต์รูปความประทับใจใน
คอนเสิร์ต ลงในอินสตาแกรม ทำเอาหลาย ๆ คนถึงกับสงสัย ทำไมถึงได้เข้าไปถ่ายภาพถึงด้านหลังเวทีใกล้ชิดกับ “Jackson Wang” หรือ “พี่แจ็ค”

แจ็คสัน หวัง ขึ้นคอนเสิร์ต

ย้อนไปก่อนหน้าที่ผ่านมา “ดาว พิมพ์ทอง” เคยออกมาเปิดเผยในโลกโซเชียลว่า

เธอได้ใช้ความพยายาม กระทั่งสามารถกดบัตร คอนเสิร์ต “แจ็คสัน หวัง” ที่นั่ง 6500 บาทมาครอบครอง ซึ่งคนไม่ใช่น้อยก็เห็นว่า คือเรื่องธรรดา ทั้งยังกล่าวชื่นชมด้วยซ้ำที่ไม่ใช่อภิสิทธิ์คนดังสำหรับเพื่อการกดบัตร
จนถึงปรากฎภาพนี้ออกมา เลยทำให้คนไม่ใช่น้อยตั้งข้อสงสัยว่า เธอจะใช้อภิสิทธิ์ดาราเหมือนกับกระแสข่าวร้อนที่กำลังถูกพูดถึงอยู่หรือเปล่า
ในเวลาถัดมา “ดาว พิมพ์ทอง” ได้ปิดคอมเมนต์ในอินสตาแกรม ก่อนจะทวิตข้อความ “ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ”
ภายหลังที่ข้อความดังกล่าวข้างต้นได้เผยแพร่ออกไป ก็เกิดกระแสวิจารณ์ล้นหลาม
สำหรับ JACKSON WANG MAGIC MAN WORLD TOUR 2022 บัตรราคา 6500 บาท เป็นบัตรโซนยืนที่อยู่ใกล้เวทีส่วนบัตร ราคา 9,000 บาท หรือ “Magic 1” VIP PACKAGE จะมีโอกาสได้ถ่ายภาพกับ “Jackson Wang” และก็บัตร ราคา 18,000 บาท หรือ “Magic 1” VIP PACKAGE เป็นบัตรที่พิเศษสุด ๆ คือ จะมีโอกาสได้ถ่ายภาพกับ “แจ็คสัน” รวมถึงได้ลายเซ็น

ดาว พิมพ์ทอง

“แบมแบม” สยบดราม่า คอนเสิร์ต “แจ็คสัน หวัง” ย้ำความสัมพันธ์ วง GOT7

ภายหลังดราม่าร้อน หลักสำคัญผู้จัดห้ามนำ อากาบง เข้างาน คอนเสิร์ต “แจ็คสัน หวัง”
สร้างความรู้สึกไม่ชอบใจ และก็ความผิดหวัง ให้กับ อากาเซ บางส่วน แอบมีสั่นคลอนเล็กน้อยในเหล่าแฟนคลับกันเอง
ล่าสุด “แบมแบม” ตอกย้ำความสัมพันธ์ 7 คือ 7 เหมือนเดิม
ไม่ว่าจะขยับไปไหน ก็ได้รับความสนใจ สำหรับ นักร้อง และก็ ศิลปิน “Jackson Wang” หรือที่ อากาเซชาวไทย เรียกว่า “พี่แจ็ค”
เร่าร้อนตั้งแต่ก่อนบินลัดฟ้ามาถึงประเทศไทย กระทั่งแฟนคลับไปรอต้อนรับกันอย่างล้นหลาม

got7
เพราะการมาในครั้งนี้พิเศษกว่าไหน กับ “JACKSON WANG MAGIC MAN WORLD TOUR 2022”
คอนเสิร์ต เวิลด์ทัวร์ ครั้งแรก ในฐานะศิลปินเดี่ยวของ “Jackson Wang” และก็เลือกที่จะจัดที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก
พร้อมให้เหตุผลว่า อยากจะทำให้สมบูรณ์แบบที่สุด และก็ประเทศไทยคือที่ที่พิเศษสำหรับ “Jackson Wang”
ภายหลังที่มาไทยได้ไม่นาน ตระเตรียมจัดคอนเสิร์ต
ได้เกิดกระแสดราม่าร้อนระอุ เมื่อผู้จัดคอนเสิร์ตประกาศห้ามนำ อากาบง หรือ แท่งไฟ ประจำแฟนด้อม ของ GOT7 ซึ่งชาวอากาเซให้ความเอาใจใส่อย่างมาก
เพราะคล้ายกับเป็นสิ่งผูกใจของอากาเซ ไว้กับ GOT7 เพื่อคอยให้กำลังใจทั้ง 7 คน เพราะฉะนั้น กระตุ้นให้เกิดกระแสวิภาควิจารณ์หนัก
ถึงกับขนาดพาดพิงว่า “Jackson Wang” ต้องการแสดงตัวว่า เป็นศิลปินเดี่ยว ไม่ให้ความสำคัญกับ วง GOT7 พร้อมกับย้อนไปที่คอนเสิร์ตของคนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม อากาเซส่วนใหญ่ก็เข้าใจในเจตนา
เพราะส่วนหนึ่งอาจจะเป็นความต้องการของผู้จัด
ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับ “Jackson Wang” รวมถึงการแสดงในคอนเสิร์ต “JACKSON WANG MAGIC MAN WORLD TOUR 2022”
ที่แสดงให้เห็นว่า เขายังคือส่วนหนึ่งของ วง GOT7 และก็ที่สำคัญ คือ
ล่าสุด หนึ่งในสมาชิก วง GOT7 อย่าง “แบมแบม” ที่ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า “อย่าทะเลาะกันเลยครับ อย่าลืมนะครับ 7 ก็คือ 7 และ จะไม่มีวันเปลี่ยนครับ”
ยิ่งทำให้คนไม่ใช่น้อยจบดราม่าลง
ตอกย้ำซ้ำเติมความรักกลมเกลียวกันเช่นเดิม
GOT7 วงบอยแบนด์ ที่มีสมาชิกทั้งหมด 7 คน คือ เจย์บี, จินยอง, แจ็คสัน หวัง , ยูคยอม, ยองแจ, มาร์คตวน และก็ แบมแบม
จนถึงตอนต้นปี 2021 ทั้ง 7 คน ได้ตัดสินใจเป็นเสียงเดียวกันว่า จะไม่ต่อสัญญา แต่ยังคงทำหน้าที่ในฐานะ GOT7
คือ แยกย้ายกันไปทำงาน และก็สร้างผลงาน ก่อนจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในตอนต้นปี 2022 ด้วยการปล่อยซิงเกิลเพลง “NANANA”